เป้ OSPREY FARPOINT 70

 ทุกครั้งที่เดินทางไปเที่ยวไหน จะใกล้ไกลจะนอกหรือในประเทศ ผมชอบใช้กระเป๋าเป้สะพายหลังมากกว่าจะใช้กระเป๋าล้อลาก เพราะคล่องตัวกว่าไม่ว่าจะเดินทางในทริปไหน จะเที่ยวอยู่แต่ในเมือง หรือจะแบกเข้าป่า (ใครเขาเอากระเป๋าล้อลากเข้าป่ากัน) เป้สะพายหลังเอาอยู่ ผมจึงมีแต่เป้สะพายหลัง หลายขนาดเพื่อให้เหมาะกับจำนวนวันเดินทางในทริปนั้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเป้เดย์แพ็ค (day pack) สำหรับเที่ยว 1-3 วัน เป้ขนาดกลาง และเป้ขนาดใหญ่ที่ต้องไปเที่ยวนานนาน หรือเผื่อเนื้อที่ไว้ใส่ของฝาก

ออสเปร  (OSPREY)  (www.ospreypacks.com) เป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งเมื่อปี คศ. 1974  ปัจจุบันก็มีอายุครบ 40 ปีแล้วนับว่ามีประวัติอันยาวนานพอสมควร และเป็นยี่ห้อนึงที่ผมเลือกใช้ เพราะมันไม่โหล ของปลอมในตลาดยังไม่ระบาดเท่ายี่ห้ออืน แต่ที่ผมชอบคือดีไซด์การออกแบบ น้ำหนักที่เบา และตรงกับจุดประสงค์การใช้งาน ที่สำคัญคือบริการหลังการขาย  All Mighty Guarantee เขารับประกันตลอดอายุการใช้งาน ซ่อมฟรี แต่ของพวกนี้มันไม่ขาดไม่พังง่าย ๆ หรอกใช้กันจนลืม

ออสเปร ฟาพ้อยด์  70 (Osprey Farpoint 70)  เป้ที่ผมใช้อยู่ตอนนี้ เป็นรุ่นใหญ่สุดในตระกูล Farpoint จากทั้งหมด 3 ขนาด 40L , 55L  และ 70L
โดยที่ Farpoint 40L จะแยกกระเป๋าไม่ได้ แต่มีขนาดที่สามารถนำขึ้นเครื่อง carry-on ได้เลย ส่วน Farpoint 55L กับ 70L  จะแยกเดย์แพ็คขนาด 15L ออกมาได้ ในส่วนของความจุกระเป๋าหลักจะเป็น 40L และ 55L  ตามลำดับ หรือพูดง่าย ๆ ว่ามีความยาวต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น

ความพิเศษของ Osprey Farpoint 70 (และ 55) อยู่ที่สามารถแยกกระเป๋าเป็น 2 ใบได้ โดยมีซิปเป็นตัวเชื่อม
ใบเล็กจึงเป็นเดย์แพ็ค (daypack) ที่มีขนาดกำลังดี  15L เห็นเล็ก ๆ อย่างนี้แต่จุของได้เยอะมาก ผมใส่กล้อง DSLR หนังสือ และขนมถุง หูฟังและอีกสารพัด ผมลองใส่ laptop computer ขนาด 15.6 นิ้ว มันก็ใส่ได้นะขอแค่ใส่ซอฟเคสไปด้วยละกัน เพราะกระเป๋าไม่มีปุกันกระแทกอะไร ด้านหน้ามีช่องใส่ขวดน้ำ 2 ช่อง และช่องใส่ของจุกจิก 1 ช่อง ด้านในมีช่องใส่ของเล็ก ๆ อีกช่อง และช่องใส่ laptop computer , iPad อีกช่องแต่ต้องไม่ลืมหุ้มด้วยซอฟเคสกันกระแทกอีกชั้น ด้านหลังเป็นช่องใส่สายสะพายขนาดใหญ่ พอเอาสายสะพายออกมาก็กลายเป็นช่องลับได้เลย เพราะมันแนบไปกับแผ่นหลังเรา ฟังชั่นการใช้งานมีครบทั้ง สายรัดหน้าอกพร้อมนกหวีด และสายรัดสะโพก และมีตัวล็อกก้ามปูไว้เชื่อมกับกระเป๋าใบหลักด้วยเมื่อเราต้องการแยกใบเล็กมาสะพายไว้ด้านหน้า

จบจากเดย์แพ็คใบเล็กไปแล้ว ก็มาดูใบหลักกันดีกว่า เริ่มจากการออกแบบที่เรียบง่าย ภายนอกจะไม่มีช่องใส่ของอะไรเลย มีเพียงหูหิ้วขนาดใหญ่ที่ตำแหน่งบนสุด และด้านข้างอีกอันเมื่อไม่ต้องการสะพาย เหมือนใช้งานกระเป๋าถือเลย ด้านล่างมีสายไว้สำหรับรัดถุงเต้นท์ หรือแผ่นปูรองนอน มีช่องเก็บของขนาดใหญ่เพียงช่องเดียวพร้อมซิปขนาดใหญ่ที่ล็อคได้ ผมชอบตรงที่มันใส่กุญแจล็อคได้นี้แหละ ปลอดภัยตอนที่ไปนอนตามโฮสเทลที่ไม่มีล็อคเกอร์ให้ใช้ ด้านหลังก็เรียบ ๆ ไม่มีอะไร แต่ความพิเศษมันอยู่ตรงเมื่อรูดซิปเปิดมา มันคือสายสะพายเป้ มาพร้อมแผ่นรองหลัง และสายรัดสะโพก เรียกว่าจัดมาให้ครบ (เวลาโหลดเช็คอินก็เก็บสายไม่ให้ไปเกะกะ ผิดกับเป้ทั่วไป ๆ ที่สายเต็มไปหมดเก็บไม่ได้ด้วย) แม้ตัวแผ่นรองหลังจะปรับไม่ได้ แต่เมื่อลองสะพายแล้ว มันแนบไปกับแผ่นหลังเราเลย นับว่าออกแบบได้ดีมาก ความสูงของเป้ก็อยู่ระดับท้ายทอยพอดี ไม่สูงเกินศีรษะนับว่าดีมากเลย ยิ่งถ้าเอาไปเดินป่าที่ต้องมีมุดมีลอด ความสูงระดับนี้ผ่านสบาย ๆ ไม่เกะกะครับ

มาดูข้างในกัน ภายในกระเป๋าก็โล่ง ๆ มีเพียงแผ่นรองหลังเท่านั้น ไม่มีโครงแข็งทำให้ใส่ของได้เยอะ การจัดวางเสื้อผ้าเหมือนกับกระเป๋าเดินทางทั่วไปคือวางในแนวราบ มีสายรัด 2 เส้น ในภาพผมกำลังจัดกระเป๋าไปเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับ 7 วัน มีทั้งเสื้อฟลีซ ถุงมือและเสื้อผ้าและของใช้อื่น ๆ แยกใส่ใน กระเป๋าจัดระเบียบ (bag organizer) เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้อีกที แนะนำให้ซื้อมาใช้เลยครับว่ามันดีมาก ช่วยให้การจัดกระเป๋าเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ

เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จสรรพลองยกมาสะพาย จะเห็นว่ารูปทรงของ Osprey Farpoint 70 ใบนี้ไม่บานออกไปด้านข้าง ไม่อ้วนกลม แต่ทรงของเป้จะใกล้เคียงกับโครงสร้างของร่างกาย คือเน้นสูงยาวแนบลำตัวมากกว่าไม่เทอะทะ สายพะรุงพะรังแบบเป้เดินป่าใบโต ๆ ที่มีความจุใกล้เคียงกัน

สำหรับ Osprey Farpoint series (40 , 55 และ 70) ผมยกให้เป็น Treveler backpack  ที่คุ้มค่ามาก จะเดินเมืองก็ได้ เดินป่าก็ดี สวยทั้งการออกแบบ เรียบแต่หรู วัสดุที่ดีทนทาน น้ำหนักเบามาก และไม่โหล ปลอดภัยด้วยการมีซิปล็อคที่ตัวกระเป๋าใบหลัก น่าเสียดายที่ใบเล็กหัวซิปล็อคไม่ได้ (ยกเว้นรุ่น 40) เนื้อผ้าไนลอนกันน้ำได้ในระดับนึง ไม่มี rain cover ให้สำหรับ series นี้

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ ที่เน้นถือขึ้นเครื่อง (carry-on) ควรเลือกรุ่น Farpoint 40  จึงจะเหมาะ ทำให้เราจัดกระเป๋าแบบ pack-light ได้ ส่วนขนาด 55 และ 70 นั้นเหมาะกับทริประยะยาวมากกว่า แถมยังได้เป้เดย์แพ็คมาใช้ได้ด้วย ก็คุ้มดีนะครับ

สำหรับใครที่มองหากระเป๋าไซด์ cabin size แนะนำ : รีวิว Farpoint40