The post มิวเซียมสยาม เปิดตัว ‘ MuseMon ‘ appeared first on Way of Backpacker.
]]>
มิวเซียมสยาม ชวนน้อง ๆ หนู ๆ มาร่วมสนุกสนานและผจญภัยไปกับการต่อสู้กับเหล่าปีศาจร้าย ที่ข้ามเวลามาทำให้มิติเวลาพิศวงของมิวเซียมสยามบิดเบี้ยว !!!!ทางเดียวที่จะจัดการกับบรรดาปีศาจร้ายที่กระจายไปซ่อนตัวอยู่ยังสถานที่ต่างๆ ก็คือ การดาวน์โหลด Mobile Application ‘ MuseMon’ แล้วช่วยกันออกค้นหา ต่อสู้ และจัดการกับเหล่าปีศาจร้ายที่แฝงกายอยู่ในวัตถุจัดแสดงต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ให้กลับมาอยู่ในสมาร์ทโฟน
ไอเดียเด็ดสุดเจ๋งจากเยาวชนนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 1 ใน 3 ทีมผู้ชนะโครงการ ‘ปั้นนักพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์สยาม ครั้งที่ 5 ‘ หรือ ‘Young Muse Project ‘ ที่ผสมผสานเทคโนโลยี AR อันทันสมัยมาสร้างสรรค์ให้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินในพิพิธภัณฑ์ได้อย่างลงตัว
‘ MuseMon ‘ เป็นแอพพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการแอนดรอย (Android) และไอโอเอส (iOS) เกิดขึ้นมาภายใต้ไอเดีย ให้คนที่เข้ามาชมพิพิธภัณฑ์ มีกิจกรรมโต้ตอบกับสิ่งที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ผ่านตัวเกมแอพพลิเคชั่น ทำให้เกิดความสนุกสนาน และจดจำสิ่งต่างๆ รวมถึงเข้าใจในสิ่งที่นิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ต้องการสื่อสารไปถึงผู้ชมมากยิ่งขึ้น
โดยผู้เล่นจะต้องเดินไปในห้องต่างๆ ของนิทรรศการ ‘เรียงความประเทศไทย’ ของมิวเซียมสยาม จนครบทั้งหมด 16 ห้องนิทรรศการ และใช้แอพพลิเคชั่น ออกค้นหา ‘MuseMon’ และ ‘ไอเทม (Item)’ ที่ถูกซ่อนอยู่ในแต่ละห้องนิทรรศการ จากคำใบ้ที่ให้ไว้ สะสมจนครบตามเงื่อนไข เพื่อแลกรับของรางวัลเป็นที่ระลึก
ร่วมผจญภัยในมิติพิศวงของ ‘มิวเซียมสยาม’ ค้นหาเหล่าบรรดาปีศาจร้ายที่แฝงตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ร่วมต่อสู้ เรียนรู้ทุกเรื่องราวอย่างสนุกสนาน พร้อมกับสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัลที่ระลึกมากมายกับ Mobile Application ‘MuseMon’ ที่พร้อมจะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบระบบปฏิบัติการแอนดรอย (Android) และไอโอเอส (iOS)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/museumsiamfan
The post มิวเซียมสยาม เปิดตัว ‘ MuseMon ‘ appeared first on Way of Backpacker.
]]>The post พิพิธภัณฑ์ ซับจำปา จังหวัดลพบุรี appeared first on Way of Backpacker.
]]>สร้างแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ ต่อยอดสู่แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน
มิวเซียมสยาม (museum siam) จับมือ อบต.ซับจำปา พัฒนา ‘พิพิธภัณฑ์ ซับจำปา’ ให้เป็นต้นแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล พร้อมต่อยอดรวมพลังภาคประชาชน พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้กับคนในท้องถิ่น
‘ ซับจำปา ‘ เป็นเมืองโบราณในยุคก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องถึงยุคทวารวดี ที่ถูกค้นพบมานานกว่าทศวรรษ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 เขตตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ ตั้งอยู่บนดินเนินสูงของขอบที่ราบภาคกลาง ที่ต่อกับที่ราบสูงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีลักษณะเป็น ป่าพุ (หรือป่าพรุ) มีโบราณสถานเป็นร่องรอยคูน้ำคันดิน และพบร่อยรอยที่อยู่อาศัยของคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคประวัติศาสตร์ตอนต้น โดยมีหลักฐานเป็นโบราณวัตถุ เช่น โครงกระดูกมนุษย์ กำไลหิน ภาชนะดินเผา พระพุทธรูป จารึกภาษาบาลีสันสกฤต เป็นต้น
สิ่งที่อยู่คู่เมืองโบราณ ซับจำปา คือ ‘ ป่าจำปีสิรินทร ‘ ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองโบราณซับจำปา เป็นป่าพุน้ำจืดที่มีน้ำท่วมขัง และน้ำซับตลอดปี มีการค้นพบต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก และยังค้นพบ พรรณไม้จำปีชนิดใหม่ ที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มีลักษณะแตกต่างไปจากจำปีและจำปาทั่วไป สามารถเจริญเติบโตอยู่ได้ในสภาพพื้นที่ป่าพุ ซึ่งทุกชนิดทั่วโลกขึ้นบนพื้นที่ดอน หรือบนภูเขาหรือตามพื้นดินที่น้ำระบายได้ดี
การค้นพบครั้งแรกนี้เกิดขึ้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2541 โดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น นักวิชาการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามาภิไธยเป็นชื่อของพรรณไม้ชนิดนี้ว่า ‘ จำปีสิรินทร ‘ หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘ Magnolia Sirindhomiae Noot & Chalermglin ‘
เมืองโบราณซับจำปา มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีของชุมชนและพรรณไม้อันมีคุณค่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญยิ่ง มิวเซียมสยาม จึงรว่มมือกับ องค์การบริหารส่วนตำบลซับจำปา ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนา ‘ พิพิธภัณฑ์ซับจำปา ‘ ให้กลายเป็นต้นแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างรื่นรมย์ตามแนวคิดและปรัชญาของ มิวเซียมสยาม นอกเหนือไปจากการเก็บรวบรวมข้อมูล และโบราณวัตถุเพื่อการศึกษา และเพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจของท้องถิ่น
นายคณิศ แสงสุพรรณ ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวว่า มิวเซียมสยาม หรือ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีพันธกิจหลักในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางเลือกรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิดพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้
Discovery Museum เน้นการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ โดยได้จัดตั้ง ต้นแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกคือ ‘ มิวเซียมสยาม ‘ บริเวณท่าเตียน กรุงเทพ ฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการแสงหาความรู้ผ่านสื่อที่หลากหลาย และรื่นรมย์ให้กับประชาชนไทย
‘ นอกจากนี้มิวเซียมสยามยังมีพันธกิจในการส่งเสริม สนับสนุนและสร้างความร่วมมือ กับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศเพื่อยกระดับมาตรฐานการจัดตั้ง และการบริการการจัดการพิพิธภัณฑ์ของประเทศไทย ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยร่วมมือกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ในภูมิภาคนั้น ๆ ในลักษณะการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) หนึ่งในนั้นคือ พิพิธภัณฑ์ซับจำปา จังหวัดลพบุรี ‘
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพธภัณฑ์การเรียรู้แห่งชาติ (สพร.) กล่าวว่าปัจจุบันมิวเซียมสยามมีต้นแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่ดำเนินการพัฒนาร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ จำนวน 4 แห่งคือ
‘ ซึ่งในส่วนของพิพิธภัณฑ์ซับจำปาแห่งนี้ ในปี 2556 มิวเซียมสยามได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลซับจำปา พัฒนาให้เป็นต้นแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ และได้ทดลองเปิดให้บริการโดยไม่เก็บค่าบริการแก่เยาวชนและประชาชนในท้องถิ่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่สนใจทั่วไปได้เข้าชม
ในปี 2557 ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน
เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ซับจำปา ในวันที่ 15 ตุลาคม 2558 มิวเซียมสยามหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพิพิธภัณฑ์ซับจำปา จะเป็นต้นแบบพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ตามแนวคิด และปรัชญาของ มิวเซียมสยาม อีกแห่งหนึ่งที่จะสามารถสร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับชุมชนและท้องถิ่น รวมถึงยกระดับไปสู่แหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ‘
นายเนตรนรินทร์ คำเรืองบุญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลซับจำปา กล่าวว่าการสร้างพิพิธภัณฑ์ซับจำปาเกิดจากภาคประชาชน หลังจากมีการค้นพบเมืองโบราณซับจำปา ในปี 2513 และเริ่มมีการขุดค้นทางโบราณ นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้มีการจัดตั้ง ‘ ชมรมรักษ์เมืองโบราณซับจำปาและป่าจำปีสิรินธร ‘
ด้วยเล็งเห็นว่าการจะอนุรักษ์อย่างเดียวคงจะไม่ได้ ต้องมีการพัฒนาควบคู่กันไป จึงได้เชิญชวนประชาชนในพื้นที่ให้รับรู้ว่าจะมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น ชาวบ้านที่ขุดพบโบราณวัตถุในไร่นาได้นำสิ่งของมามอบให้ชมรมรักษ์ ฯ และของบประมาณจากจังหวัดเพื่อมาสร้าง ‘ พิพิธภัณฑ์ซับจำปา ‘ โดยการปรับปรุงอาคารเรือนเพาะชำเดิม ให้เป็นอาคารเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ และจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของเมืองโบราณซับจำปา
ต่อมาในปี 2556 ได้มีการคัดเลือกจากมิวเซียมสยาม เข้ามาช่วยพัฒนาให้เป็นต้นแบบพิพิธภัณ์การเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ โดยได้รับการสนับสนุนความรู้และทีมงานในการพัฒนาพิพิธภัณฑ์จากมิวเซียมสยาม โดยในระยะยาวจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาต่อยอดพิพิธภัณฑ์ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ประชาชนได้ประโยชน์ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ในพื้นที่ มีการบริการจัดการอย่างเป็นระบบ
‘ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เราเจอปัญหา อุปสรรค ข้อกฎหมาย งบประมาณต่าง ๆ มากมาย แต่ก็เป็นเรื่องของพลังประชาชน การร่วมมือร่วมใจ ความมุ่งมั่นของประชาชนในพื้นที่ถือว่าเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ เรามีการประชุมประชาคมหมู่บ้านทั้งหมด เพื่อวางแผนในการพัฒนาต่อยอด มีงบประมาณส่วนนี้และประชาชนมีส่วนในการเป็นเจ้าของ ถ้าเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะเป็นต้นแบบการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ความภาคภูมิใจของพี่น้องประชาชน สิ่งดีดีที่เกิดขึ้นนี้จะมีประชาชนเป็นกำลังหลักในการพัฒนาต่อยอดต่อไป ‘
‘ พิพิธภัณฑ์ซับจำปา ‘ ตั้งอยู่ที่ ป่าจำปีสิรินธร หมู่ที่ 1 ตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. – 16.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลโทร 036-788-101 หรือ 081-667-7339
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sub-jumpa.com
The post พิพิธภัณฑ์ ซับจำปา จังหวัดลพบุรี appeared first on Way of Backpacker.
]]>The post วันมาฆบูชา 2558 appeared first on Way of Backpacker.
]]>เพลงนี้ร้องมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กประถม เป็นเพลงที่ติดหูพอ ๆ กับเพลงชาติไทย ยังไงก็ไม่ลืม
วันพระใหญ่ในบ้านเรามีอยู่ไม่กี่วัน วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา และวันมาฆบูชา รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ หรือเป็นวันหยุดแห่งชาติเพราะเอกชนส่วนใหญ่ก็หยุดตามด้วย
วันมาฆบูชา 2558 ปีนี้ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ตามปฏิทินไทย กิจกรรมทางศาสนาในวันนี้ยังคงปฏิบัติสืบกันมาคือ ทำบุญ ตักบาตร และ เวียนเทียนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับในกรุงเทพ และปริมาณฑล มีที่ไหนจัดงานวันมาฆบูชาบ้าง ไปดูกันครับ เผื่อคืนนี้ใกล้ที่ไหนจะได้ไปกัน
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์
คณะสงฆ์วัดพระเชตุพน ได้จัดกิจกรรมสำหรับพุทธศาสนิกเพื่อเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ฟังธรรม การเทศนาสั่งสอนญาติโยม คณะสงฆ์วัดพระเชตุพน และจะมีพิธีเวียนเทียนในเวลา 2000 น.
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
เวลา 15.00 น. – เวียนเทียน ถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศล
วัดหัวลำโพง พระอารามหลวง ขอเชิญร่วมพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ในเวลา 2000 น.
พุทธมณฑล จ.นครปฐม
เวลา 1600 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในการบำเพ็ญพระราชกุศลประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา
เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ
พระธาตุบังพวน ภายในเมืองโบราณ เข้าร่วมงานฟรี ตั้งแต่ เวลา15.00 – 20.00 น
เวลา 1830 น. – 2000 น. ร่วมเวียนเทียน ณ พระธาตุบังพวน ซึ่งประดิษฐานพระพุทธเจ้า 28 พระองค์
ภายในงานมีบริการรถราง รับ – ส่ง ฟรี จากบริเวณประตูทางเข้าไปยังพระธาตุบังพวนเพื่อร่วมกิจกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยตลอดเส้นทางท่านจะได้ชื่นชม กับสถาปัตยกรรมความงดงามของสถานที่ต่างๆ อาทิ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท เป็นต้น
ท้องสนามหลวง
ในเวลา 07.00 – 09.00 น. จะมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. จะมีการเทศน์มหาชาติทำนองหลวง 13 กัณฑ์ 1000 พระคาถา โดยพระราชปฏิภาณมุนี วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร (กัณฑ์ที่ 1), พระมหาสม สุทธิปภาโส และพระมหาสิน ฐิตเมโธ วัดหลักสี่ (กัณฑ์ที่ 2), พระมหายุทธนา คัมภีรจิตโต วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร (กัณฑ์ที่ 3 – กัณฑ์ที่ 6), พระครูปลัดสุเทพ สุรเมธี วัดไชโยวรวิหาร (กัณฑ์ที่ 7 – กัณฑ์ที่ 10), พระมหานรา ณัฏฐภาณี วัดศรีประวัติ (กัณฑ์ที่ 11 – กัณฑ์ที่ 13) ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมงานในการบำเพ็ญกุศลในวันมาฆบูชา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถในวันและเวลาดังกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Travel MThai , Chillpainai , การท่องเที่ยวแแห่งประเทศไทย
The post วันมาฆบูชา 2558 appeared first on Way of Backpacker.
]]>The post ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ appeared first on Way of Backpacker.
]]>ด้วยการเดินเท้าไป 9 วัดคือจำนวนที่แน่นอนในทุกปี แต่ถ้าปีไหนทำเวลาได้ ปีนั้นก็จะมีวัดแถมมาอีก 2-3 วัดถือเป็นกำไรไป
1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว (เวลาเปิด-ปิด 08.30 – 16.00 น.)
ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาของชาวไทยมาช้านาน เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี” ด้วยธูป เทียน ดอกบัวคู่
2. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร (เวลาเปิด-ปิด 05.30 – 19.30 น.)
ไปสักการะ “เทพารักษ์ทั้ง 5” คือ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าพ่อเจตคุปต์, เจ้าพ่อหอกลอง เพื่อ “ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี” ไหว้ เสาหลักเมืององค์จำลอง ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร 3 สี ดอกบัว และไหว้องค์จริงด้วยพวงมาลัย
3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.)
นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ ร่มเย็นเป็นสุข อยู่ดีกินดีตลอดปี” ด้วยธูป 9 ดอก เทียนแดงคู่ ทองคำเปลว 11 แผ่น หากใครที่เกิดในปีมะเมีย สามารถแก้ปีชงได้ที่วัดนี้ แนะนำให้ไปไหว้ขอพระ“พระพุทธเทวปฏิมากร” เสริมดวงให้ชีวิตสดใส สมหวังทุกประการ
4. วัดระฆังโฆษิตาราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.)
สักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระประธานที่วัดระฆัง อ่านคาถาชินบัญชร เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้พระวัดระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี” ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 3 แผ่น หมากพลู
5. วัดอรุณราชวราราม หรือ วัดแจ้ง (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.)
ไหว้พระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้พระวัดอรุณ ชีวิตโรจน์รุ่ง ทุกวันคืน” ต้องไปสักการะ“พระประธาน” ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ และต้องไปเดินทักษิณาวัตรรอบ “พระปรางค์” อีก 3 รอบ เพื่อ“ชีวิตรุ่งโรจน์”
6. ศาลเจ้าพ่อเสือ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.)
ไปสักการะ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ฯลฯ เพื่อเสริม “อำนาจบารมี” ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ พวงมาลัย 1 พวง “ศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า” หนึ่งในสามมหาสถานของพระนครที่ชาวจีนต้องสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล “เสริมอำนาจบารมี”
7. วัดชนะสงคราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.)
ต้องไปสักการะ “พระประธาน” ในพระอุโบสถ และ “สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา)” ผู้นับถือความซื่อสัตย์ ด้วย ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก มีความเชื่อว่า “จะมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง ไหว้พระวัดชนะสงคราม อุปสรรคร้ายพ่ายแพ้”
8. วัดสุทัศน์เทพวราราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.) หน้าวัดจะมี ‘เสาชิงช้า’ สัญลักษณ์ของกรุงเทพตั้งอยู่
ไหว้พระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุณี) ที่เก่าแก่ ซึ่งอดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป” ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม ดอกบัวหรือพวงมาลัย
9. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) (เวลาเปิด-ปิด 08.00-18.00 น.)
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 มีความเชื่อว่า ” เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล” นอกจากนี้ ภายในพระอุโบสถที่ภายในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝีมือช่าง สมัยรัชกาลที่ 3 และหอไตร ศิลปะสมัยอยุธยา บานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำ เครื่องสักการะ : ธูป 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 3 ดอก
นอกเหนือจาก 9 วัดที่ผมไปมาประจำ ถ้ามีเวลาพอก็จะเก็บได้อีก 2-3 วัดระหว่างทางด้วยครับ ซึ่งมีความสำคัญเช่นกัน
วัดกัลยาณมิตร หรือวัดซำปอกง (เวลาเปิด-ปิด 08.00 – 16.00 น.) วัดนี้ทาง ททท. บรรจุเป็น 1 ในคู่มือใหว้พระ 9 วัดในปัจจุบัน
ไหว้หลวงพ่อซำปอกง (พระพุทธไตรรัตนนายก) พระโตริมน้ำตามตำนาน กรุงศรีอยุธยา ณ วัดกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล “ไหว้หลวงพ่อซำปอกง โชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดปี” ด้วยธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่
เทวสถาน โบสถ์พราหมณ์
นับว่าเป็น เทวสถาน วัด หรือ โบสถ์ ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่มีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาวัดฮินดูทั้งหมดในประเทศไทย อยู่ภายใต้การบริหาร ดูแลและประกอบพิธีกรรม โดย คณะพราหมณ์หลวง แห่งสำนักพระราชวัง ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสถานสำคัญของชาติ
ภายในเทวสถาน จะมีโบสถ์อยู่ 3 หลัง
วัดเทพธิดารามวรวิหาร ( วัดเทพธิดาราม )
สร้างเสร็จ เมื่อ พ.ศ. 2382 พระศรีสุนทรโวหาร(ภู่) หรือรู้จักกันในนามว่า “สุนทรภู่” ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านได้อุปสมบทและจำพรรษาที่พระอารามนี้ระหว่าง พ.ศ. 2382 – 2385 ปัจจุบัน ‘กุฏิสุนทรภู่’ ยังคงอยู่ในวัดนี้
The post ไหว้พระ 9 วัด กรุงเทพ appeared first on Way of Backpacker.
]]>The post เที่ยวในประเทศ : นั่งรถไฟเที่ยวทุ่งทานตะวัน appeared first on Way of Backpacker.
]]>วันนี้จะพาไปเที่ยวทริปนั่งรถไฟไปตามหาทุ่งดอกทานตะวันค่ะ หลังจากนั่งเล่น facebook เพลินๆ ก็สะดุดเข้ากับโพสนี้ เราก็ตัดสินใจไปนั่งรถไฟเล่นกัน
ทริปนี้เป็นทริปที่การรถไฟได้จัดรถนำเที่ยว เส้นทางเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ ผ่านทุ่งดอกทานตะวัน และนั่งรถผ่านอ่างเก็บน้ำในเส้นทางรถไฟลอยน้ำ และจอดหยุดพักที่เขื่อนให้ชมวิว ถ่ายรูป
รายละเอียดหน้าเพจบอกไว้ว่ามีช่องทางซื้อตั๋ว หรือจองตั๋วดังนี้ค่ะ
เราได้จองตั๋วทาง Call center แล้วไปรับตั๋วที่หัวลำโพงค่ะ จากนั้นก็รอวันเดินทาง
นั่งลุ้นๆวอยู่ว่าวันเดินทาง (7 ธันวาคม 2557) จะมีลมหนาวพัดมาบ้างไหม วันเดินทางจริง ร้อนจัดเลยค่ะ ฮ่าๆ
เราตื่นเช้าไปขึ้นรถไฟ รถออกจากชานชลา 6.40 น. เตรียมขนม เตรียมน้ำไป กันหิว แต่ระหว่างทางก็มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายเป็นระยะๆนะคะ ทั้งหมูปิ้ง ข้าวกล่อง กาแฟ มีขึ้นมาขายตลอด
ทริปนี้มีพี่ๆการรถไฟมาให้รายละเอียดและดูแลตลอดทริปค่ะ
มีโปสเตอร์และของที่ระลึกแจกด้วย
นั่งรถไฟฉึกๆฉักๆ ร่วม 2 ชั่วโมง ก็ถึงทุ่งดอกทานตะวันค่ะ มาดูรูปกันเลย
ชมทานตะวันกันอิ่มแล้ว ก็โดดขึ้นรถไฟต่อไปเขื่อนป่าสักฯกันค่ะ นั่งไปอีกสักพักก็ถึงเส้นทางรถไปลอยน้ำ
ช่วงที่ลงไปชมรถไฟลอยน้ำ มีเวลาให้ 20 นาทีค่ะ จากนั้นก็ไปเปลี่ยนหัวรถที่สถานีโคกสลุง และพาเราทั้งหมดมาพักผ่อนชมวิวที่เขื่อนป่าสักชลสิทธ์ เป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี เราทั้งหมดก็นั่งร้านไก่ย่างส้มตำ ทานกันอิ่ม เดินเล่น นั่งชมวิว ดูเขื่อน แล้วเมื่อถึงเวลานัดของเจ้าหน้าที่ ราวๆ 14.30 น. ก็ไปขึ้นรถกลับกรุงเทพค่ะ
ถือว่าเป็นทริปเล็กๆ ไปเช้าเย็นกลับ ได้ไปเที่ยวดูบรรยากาศ ถ่ายรูป ไม่ใกล้ไม่ไกล ไปกับรถไฟ เพลินดีค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/pr.railway
The post เที่ยวในประเทศ : นั่งรถไฟเที่ยวทุ่งทานตะวัน appeared first on Way of Backpacker.
]]>