Raspunsuri romana Pixwords napoveda Pixwords 4 letters Pixwords 7 litere Pixwords 8 litere Pixwords 11 letters Pixwords 16 letters
อุปกรณ์ท่องเที่ยว – Way of Backpacker http://www.wayofbackpacker.com Backpacker ท่องเที่ยว เที่ยวเอง เที่ยวไทย เที่ยวเกาหลี เที่ยวญี่ปุ่น รีวิวอุปกรณ์ Thu, 20 Oct 2016 09:02:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=4.7.28 DECATHLON THAILAND http://www.wayofbackpacker.com/2015/12/decathlon-thailand/ Wed, 02 Dec 2015 11:37:09 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3900 DECATHLON  (อ่านว่า ดีแคทลอน) ชื่อนี้มีใครรู้จักบ้าง ???  สำหรับนักเดินทางผมว่าน่าจะคุ้นเคยกะชื่อนี้นะ เพราะเป็นสโตร์ยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส และมีสาขาเยอะมาก ทั่วยุโรปก็พูดได้ ร้านนี้เขาขายอุปกรณ์กีฬาแทบจะทุกประเภทในราคาสมเหตุสมผล แต่คุณภาพดีเกินราคา ในบ้านเรา Decathlon Thailand​  นั่นมีหน้าร้านมานานกว่าสิบปีแล้ว ที่บางนาทาวเวอร์ ที่เดียวในไทย พูดงี้หลายคนถึงกับร้องอ๋อออออ หลายคนเคยไป หลายคนอยากไปแต่ไม่สะดวกเพราะไกล หลายคนเลือกสั่งซื้อทางออนไลน์ แต่สโตร์นั้นเป็นของสิงคโปร์ (เหมือน apple store online บ้านเราแต่ของส่งจากสิงคโปร์) ในปีนี้เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อสาขาแรกและสาขาเดียวที่บางนาทาวเวอร์กำลังจะปิดตัว แล้วเปลี่ยนไปขยายสาขาในห้างโลตัส (ตอนนี้เปิดเฉพาะในกรุงเทพก่อน) เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยช่วงแรกนี้ไปเปิดสาขาที่ โลตัสบางนา โลตัสพระราม 4 โลตัสรัตนาธิเบศร์ โลตัสนวมินทร์ โลตัสหลักสี่ เกริ่นประวัติร้านมาคร่าว ๆ พอละ วันนี้ผมไปเดิน DECATHLON สาขาโลตัสพระราม 4 ขอบอกว่าใหญ่มากกกกกก มากกว่าที่คิดไว้ซะอีก มีแยกหมวดหมู่กิจกรรมไว้อย่างชัดเจน แต่ที่ผมตั้งใจมาดูคือ หมวดเสื้อผ้าและอุปกรณ์เดินทาง และเดินป่า โดยเฉพาะยี่ห้อ QUECHUA อ่านว่า ...

The post DECATHLON THAILAND appeared first on Way of Backpacker.

]]>
DECATHLON  (อ่านว่า ดีแคทลอน) ชื่อนี้มีใครรู้จักบ้าง ???  สำหรับนักเดินทางผมว่าน่าจะคุ้นเคยกะชื่อนี้นะ เพราะเป็นสโตร์ยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส และมีสาขาเยอะมาก ทั่วยุโรปก็พูดได้ ร้านนี้เขาขายอุปกรณ์กีฬาแทบจะทุกประเภทในราคาสมเหตุสมผล แต่คุณภาพดีเกินราคา

ในบ้านเรา Decathlon Thailand​  นั่นมีหน้าร้านมานานกว่าสิบปีแล้ว ที่บางนาทาวเวอร์ ที่เดียวในไทย พูดงี้หลายคนถึงกับร้องอ๋อออออ หลายคนเคยไป หลายคนอยากไปแต่ไม่สะดวกเพราะไกล หลายคนเลือกสั่งซื้อทางออนไลน์ แต่สโตร์นั้นเป็นของสิงคโปร์ (เหมือน apple store online บ้านเราแต่ของส่งจากสิงคโปร์)

ในปีนี้เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อสาขาแรกและสาขาเดียวที่บางนาทาวเวอร์กำลังจะปิดตัว แล้วเปลี่ยนไปขยายสาขาในห้างโลตัส (ตอนนี้เปิดเฉพาะในกรุงเทพก่อน) เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยช่วงแรกนี้ไปเปิดสาขาที่

  1. โลตัสบางนา
  2. โลตัสพระราม 4
  3. โลตัสรัตนาธิเบศร์
  4. โลตัสนวมินทร์
  5. โลตัสหลักสี่

เกริ่นประวัติร้านมาคร่าว ๆ พอละ วันนี้ผมไปเดิน DECATHLON สาขาโลตัสพระราม 4 ขอบอกว่าใหญ่มากกกกกก มากกว่าที่คิดไว้ซะอีก มีแยกหมวดหมู่กิจกรรมไว้อย่างชัดเจน

แต่ที่ผมตั้งใจมาดูคือ หมวดเสื้อผ้าและอุปกรณ์เดินทาง และเดินป่า โดยเฉพาะยี่ห้อ QUECHUA อ่านว่า ‘เกอร์ชู’ ไม่ใช่ เกย์ชัวร์ นะครับ 🙂

ยี่ห้อ QUECHUA (http://www.quechua.fr/) เนี่ยเป็นแบรนด์แห่งชาติของฝรั่งเศสและนิยมมากในยุโรป จะเห็นฝรั่งฝั่งยุโรปที่มาเที่ยวบ้านเราใช้ยี่ห้อนี้กันเยอะมาก ก็ของเค้าดีจริง ๆ นะ ผมก็มีใช้เหมือนกัน
คนไทยยังรู้จักยี่ห้อนี้กันน้อยอยู่ไม่เหมือนยี่ห้อฝั่งอเมริกาอย่าง Columbia, The North Face

ก็เลยมาดูว่าสินค้าในแบรนด์หลักจะมีอะไรนำมาขายบ้าง ก็เยอะนะ ทั้งเสื้อผ้า เสื้อแจ้กเก็ต รองเท้าเดินป่า เป้เดินทางขนาดใหญ่ เป้เดย์แพ็ค และอีกเยอะ เดินถ่ายรูปมาไม่หมด ที่สำคัญราคาเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ

 

RAIMG_9449

 

RAIMG_9454

 

RAIMG_9452

 

RAIMG_9455

 

RAIMG_9456

 

RAIMG_9453

 

RAIMG_9457

 

RAIMG_9459

 

RAIMG_9458

 

RAIMG_9464

 

RAIMG_9463

 

RAIMG_9460

 

RAIMG_9461

 

RAIMG_9466

 

RAIMG_9448

 

RAIMG_9446

 

RAIMG_9447

 

RAIMG_9445

 

 

เพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาอุปกรณ์เดินทางราคาเบา ๆ แต่คุณภาพดี ลองแวะไปดูตามสาขาใกล้บ้านนะครับ

หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ก็ได้ : http://www.decathlon.co.th/

ปอลิง : พวกแจ้กเก็ต 3 in 1 หรือรุ่นที่ผมใช้อยู่ สาขาบ้านเราไม่ยักมีแฮะ ใครสนใจคงต้องสั่งจากเวปไซด์เท่านั้นล่ะ ดีตรงที่เขารวมภาษีและค่าส่งมาเรียบร้อยแล้ว ( imported from DECATHLON Singapore)

ประเทศเมืองร้อนอย่างเรา ก็เป็นงี้สินค้าหน้าหนาวแทบจะไม่ค่อยมีขาย แถมซื้อแล้วปีนึงจะได้ใช้กี่วันนะ ปีไหนไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศหน้าหนาวถือว่าขาดทุนจริง ๆ

The post DECATHLON THAILAND appeared first on Way of Backpacker.

]]>
เพาเวอร์แบงค์ ELOOP E13 http://www.wayofbackpacker.com/2015/11/%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c-eloop-e13/ Thu, 12 Nov 2015 10:09:53 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3868 คราวก่อนผมเขียนถึงเพาเวอร์แบงค์ของ eloop E17  ที่เพิ่งซื้อมาแล้ว เผอิญว่ามีเพื่อนสนใจยี่ห้อนี้เหมือนกัน แต่เขาอยากชาร์ตได้ทั้งมือถือและ iPad พร้อม ๆ กัน ซึ่ง eloop E17 ที่ผมใช้นั้นมีช่องจ่ายไฟ USB เพียงช่องเดียวเท่านั้น ก็เลยต้องหารุ่นอื่นที่ตรงกับความต้องการใช้ ซึ่งยี่ห้อ eloop นี้ก็ทำออกมาหลายรุ่น แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน แล้วผมก็เลือกรุ่นยอดนิยมที่ออกมานานแล้ว แต่ยังได้ขายดีที่สุดของยี่ห้อนี้คือรุ่น eloop E13  ที่มีความจุกำลังดี ไม่มากไปหรือน้อยไป ที่ 13,000 mAh     แกะกล่องออกมาก็เหมือนเคยครับ มีตัวเครื่อง eloop E13  อันนี้ผมสั่งสีทองให้เพื่อน มันทองตรงไหนเนี่ย นึกว่าจะทองแบบโรสโกลด์ของ iPhone ซะอีก ผิวสัมผัสดีครับ สากมือไปทั้งตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะจับแล้วลื่นปรื้ด และมีสายชาร์ต micro USB มาให้ 1 เส้น ไม่มีหัวปลั้กมาให้นะครับ     ผิวสัมผัสรุ่น eloop ...

The post เพาเวอร์แบงค์ ELOOP E13 appeared first on Way of Backpacker.

]]>
คราวก่อนผมเขียนถึงเพาเวอร์แบงค์ของ eloop E17  ที่เพิ่งซื้อมาแล้ว เผอิญว่ามีเพื่อนสนใจยี่ห้อนี้เหมือนกัน แต่เขาอยากชาร์ตได้ทั้งมือถือและ iPad พร้อม ๆ กัน ซึ่ง eloop E17 ที่ผมใช้นั้นมีช่องจ่ายไฟ USB เพียงช่องเดียวเท่านั้น ก็เลยต้องหารุ่นอื่นที่ตรงกับความต้องการใช้ ซึ่งยี่ห้อ eloop นี้ก็ทำออกมาหลายรุ่น แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน

แล้วผมก็เลือกรุ่นยอดนิยมที่ออกมานานแล้ว แต่ยังได้ขายดีที่สุดของยี่ห้อนี้คือรุ่น eloop E13  ที่มีความจุกำลังดี ไม่มากไปหรือน้อยไป ที่ 13,000 mAh

 

IMG_9158

กล่อง eloop E13 บอกทุกอย่าง และมีสติกเกอร์ให้ขูดเอา serial code ไปเช็คในเวปด้วยครับ

 

แกะกล่องออกมาก็เหมือนเคยครับ มีตัวเครื่อง eloop E13  อันนี้ผมสั่งสีทองให้เพื่อน มันทองตรงไหนเนี่ย นึกว่าจะทองแบบโรสโกลด์ของ iPhone ซะอีก ผิวสัมผัสดีครับ สากมือไปทั้งตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะจับแล้วลื่นปรื้ด และมีสายชาร์ต micro USB มาให้ 1 เส้น ไม่มีหัวปลั้กมาให้นะครับ

 

IMG_9151

สั่งมาเป็นสีทอง (Gold) แต่ไม่ทองอย่างที่คิด ผิวสัมผัสสากมือดีครับ ไม่ลื่นแน่ ๆ น้ำหนักกำลังดี

 

ผิวสัมผัสรุ่น eloop E13 ทำได้ดีมาก  รู้สึกถือแล้วติดมือดี ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จับได้กระชับ และไม่หนาเทอะทะ งานประกอบเรียบร้อยแน่นหนาดี ด้านหน้าจะมีหลอดไฟบอกระดับแบตเตอรี่ 4 ดวงเหมือนรุ่นอื่น ๆ พอร์ต USB มี 2 พอร์ตแบ่งเป็น  1.0A  กับ  2.1A  สำหรับชาร์ตมือถือและ iPad หรือ tablet พร้อมกันได้

 

IMG_9160

สเปคหลังกล่อง บอกรายละเอียดการจ่ายไฟ / ชาร์ตไฟ

 

ด้วยความจุถึง 13,000 mAh เวลาชาร์ตไฟนี้แทบจะวางลืมไปเลย  เพราะใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเต็ม หลังกล่องระบุว่าชาร์ตเต็มใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง อย่างว่านะ แบตใหญ่ความจุเยอะ เวลาใช้ก็ใช้นาน เวลาชาร์ตก็ชาร์ตนานเหมือนกัน แต่ที่ชอบคือเสียบชาร์ตแล้วตัวเครื่อง eloop E13 ไม่มีความร้อนเลย  ทั้งทีทิ้งไว้หลายชั่วโมง ส่วนตัวปลั้กไฟ USB นี่ร้อน ๆ อุ่น ๆ เป็นปกติครับ

 

el

เอา serial code ไปเช็คในเวป www.szeloop.com ถ้าเป็นของแท้จะบอกอย่างนี้

 

และก็เหมือนเคยด้วยความเป็นยี่ห้อที่ขายดี โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมแบบนี้ ของปลอมย่อมทำออกมาหลอกขาย ก็ต้องเช็คด้วยการขูด Serial code ที่สติกเกอร์หน้ากล่อง โดยเช็คในเวป  www.szeloop.com  ถ้าเป็นของแท้ก็จะมีข้อความตามรูปครับ พร้อมวันที่เราลงทะเบียนไว้

 

The post เพาเวอร์แบงค์ ELOOP E13 appeared first on Way of Backpacker.

]]>
เพาเวอร์แบงค์ ELOOP E17 http://www.wayofbackpacker.com/2015/11/%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c-eloop-e17/ Mon, 09 Nov 2015 10:38:56 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3825 เมื่อวานไปเดินกุ้กกุ้กที่งานคอมมาร์ต (commart) วันสุดท้ายที่ศูนย์สิริกิติ์ ก็ว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้วนะ เผอิญไปเจอบูธนึงเขาเอาเจ้า เพาเวอร์แบงค์ (powerbank) ยี่ห้อ อีลูป (eloop) มาขายหลายรุ่น เห็นแล้วชอบกิเลสเลยเกิด ก็อ้างว่า sanyo eneloop ที่ผมใช้มาจะ 4 ปี ไปไหนมาไหนต้องพกติดกระเป๋าไปตลอด มันก็เก่าละ ต้องหาผู้ช่วยใหม่ซะแล้ว อุปกรณ์สามัญประจำกระเป๋าของผมและของใคร ๆ ในยุค 4G นี้     เลือกไปเลือกมาก็ได้รุ่นนี้มาแหละครับ eloop E17  ที่ขนาดบางเบาและสวยดี (powerbank นะ) ความจุไม่ต้องมากนัก ใช้กะมือถือเครื่องเดียว 10,000 mAh ก็เหลือ ๆ ละ อีกอย่าง ถ้าความจุเยอะ ระยะการชาร์ตตัวมันก็นานตามไปด้วยหลายชั่วโมงอยู่     ก็ไม่รู้ว่ายี่ห้อ eloop ของจีนมันจะดีมั้ย เพราะดันชื่อคล้าย ๆ กับ sanyo eneloop ยี่ห้อเดิมที่ใช้ผมอยู่  (ตอนนี้ขายสิทธิ์ไปให้ ...

The post เพาเวอร์แบงค์ ELOOP E17 appeared first on Way of Backpacker.

]]>
เมื่อวานไปเดินกุ้กกุ้กที่งานคอมมาร์ต (commart) วันสุดท้ายที่ศูนย์สิริกิติ์ ก็ว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้วนะ เผอิญไปเจอบูธนึงเขาเอาเจ้า เพาเวอร์แบงค์ (powerbank) ยี่ห้อ อีลูป (eloop) มาขายหลายรุ่น เห็นแล้วชอบกิเลสเลยเกิด ก็อ้างว่า sanyo eneloop ที่ผมใช้มาจะ 4 ปี ไปไหนมาไหนต้องพกติดกระเป๋าไปตลอด มันก็เก่าละ ต้องหาผู้ช่วยใหม่ซะแล้ว อุปกรณ์สามัญประจำกระเป๋าของผมและของใคร ๆ ในยุค 4G นี้

 

12234898_806056792838087_3792262511135711014_n

กล่องสวยดี บอกข้อมูลครบ ชื่อยี่ห้อ ชื่อรุ่น ความจุแบต ตรงสันกล่องเป็น serial code ไว้เช็คกับเวปไซด์

 

เลือกไปเลือกมาก็ได้รุ่นนี้มาแหละครับ eloop E17  ที่ขนาดบางเบาและสวยดี (powerbank นะ) ความจุไม่ต้องมากนัก ใช้กะมือถือเครื่องเดียว 10,000 mAh ก็เหลือ ๆ ละ อีกอย่าง ถ้าความจุเยอะ ระยะการชาร์ตตัวมันก็นานตามไปด้วยหลายชั่วโมงอยู่

 

12191556_806056806171419_6096092102920852476_n

ขนาดบางและเบา วัสดุทำจากอลูมิเนียม แบตเป็นลิเธียมโพลิเมอร์

 

ก็ไม่รู้ว่ายี่ห้อ eloop ของจีนมันจะดีมั้ย เพราะดันชื่อคล้าย ๆ กับ sanyo eneloop ยี่ห้อเดิมที่ใช้ผมอยู่  (ตอนนี้ขายสิทธิ์ไปให้ panasonic ละ)  เช็คในเวปไซด์ของ eloop นี้แล้วก็ดูน่าเชื่อถือนะ ไม่ใช่ยี่ห้อโนเนมไก่กาแบบที่ขายตามตลาดนัด แบบนั้นผมไม่กล้าซื้อมาลอง แม้จะราคาถูกแต่กลัวมันจะระเบิดน่ะ  และมันคงจะเป็นสินค้าที่ขายดีมากแน่ ๆ  มากจนมีของปลอมทำออกมาขาย เขาว่างั้นนะ

 

11251620_1050322354989458_1841252737441570615_n

ขูดหาเลขเบา ๆ นะครับ

 

ทางผู้ผลิตเลยให้เราสามารถเช็คจาก serial code ที่สติกเกอร์ข้างกล่อง ในเวปไซด์  www.szeloop.com  เพื่อดูว่าเป็นของแท้รึเปล่า ซึ่ง E17 ของผมนี้ก็เป็นของแท้ ก็น่าเชื่อถือได้นะ งานประกอบเรียบร้อย สวยงาม ชอบตรงที่น้ำหนักเบา  ส่วนใช้งานดีรึเปล่า แล้วจะมาเล่าให้ฟังในคราวต่อไปนะครับ ของแบบนี้ต้องดูกันยาว ๆ เพราะ sanyo eneloop ของผมยังใช้มาถึงวันนี้เป็นปีที่ 4 เซลล์แบตก็ยังไม่เสื่อมเลย (แต่ราคามันก็ซื้อ eloop อันนี้ได้หลายอันนะ สมราคาแล้วล่ะ)

 

el

เอา serial code ไปลงทะเบียนในเวป www.szeloop.com ถ้าเป็นของแท้ จะบอกแบบนี้

 

  • งานประกอบเรียบร้อย หนาแน่นดีมาก ใช้วัสดุอลูมิเนียม ดูหรูดี
  • น้ำหนักเบา และมีความบาง เพราะใช้แบตแบบลิเธี่ยมโพลิเมอร์  ไม่เป็นภาระเวลาเดินทาง
  • ช่องเสียบ USB มีเพียง 1 ช่อง ปล่อยกระแสที่ 2.1 mA ชาร์ตได้ทั้งมือถือ iPad และ tablet
  • ตัวเครื่องไม่มีปุ่มใดใดเลย การใช้งานก็แค่ เสียบสาย USB เครื่องก็พร้อมทำงานทันที
  • หากต้องการทราบสถานะของแบตเตอรี่ว่าเหลือแค่ไหน จากทั้งหมด 4 ดวงไฟ ก็แค่ ‘เขย่า’ เครื่องเบา ๆ ก็จะแสดงสถานะดวงไฟให้รู้ และ ตอนที่ชาร์ตมือถืออยู่ เครื่องก็แสดงดวงไฟบอกเหมือนกัน
  • สามารถเช็ค serial code ที่มากับสติกเกอร์ข้างกล่อง ในเวปไซด์ www.szeloop.com  เพื่อเช็คว่าของแท้หรือไม่ อันนี้ที่ผมซื้อมา ของแท้สบายใจ
  • ภายในกล่องให้มาแค่ ตัวเครื่องเพาเวอร์แบงค์ กะสายชาร์ตเท่านั้น ไม่มีหัวปลั้กไฟ USB มาให้ ผมก็ต่อกับ USB power adapter ของ apple ชาร์ตไฟได้
  • ระยะเวลาการชาร์ตเพาเวอร์แบงค์ ผมชาร์ตตอนที่ไฟสถานะเหลือดวงเดียว จาก 4 ดวง ( 25% – 100%)  ไม่ควรใช้จนไฟเกลี้ยงนะ  จากดวงเดียวนั้น ใช้เวลาประมาณ ไม่ถึง 6 ชั่วโมงก็เต็ม 100%  (ไฟ 4 ดวงเต็ม) แบตไม่ร้อนขณะกำลังชาร์ตด้วยแฮะ ถ้าเป็นรุ่นที่มีความจุมากกว่าก็นานขึ้นอีก

The post เพาเวอร์แบงค์ ELOOP E17 appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ASUS EeeBook X205TA http://www.wayofbackpacker.com/2015/10/asus-eeebook-x205ta/ Wed, 28 Oct 2015 09:34:00 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3764 มีใครไปเที่ยวแล้วพก คอมพิวเตอร์แลปท้อป (laptop computer) หรือที่เราเรียกติดปากว่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค (notebook computer) ติดกระเป๋าไปด้วยรึเปล่าครับ ??? ทุกครั้งที่เดินทางไปไหน ผมจะพกแค่  iPad ไว้เพื่อดูแผนที่ google map และใช้เป็นฮาร์ทไดร์ไว้สำหรับแบคอัพภาพจากกล้อง กับใช้เล่นโซเชียลแค่นั้น แต่หลาย ๆ ครั้งอยากเขียนอะไรที่ไปพบเจอมาตามประสาคนอยากเล่าในเวปไซด์ แบบไม่ต้องรอกลับมาเปิดคอมที่บ้าน เพราะป่านนั้นคงไม่ว่าง หรือไม่มีอารมณ์จะเขียนแล้ว ซึ่ง  iPad มันทำไม่ได้ หรืออาจได้แต่ไม่สะดวกนัก ตอนนี้ก็เลยมีความคิดว่า จะพกแลปท้อปไปด้วยดีมั้ย จะกลายเป็นภาระไปมั้ยนะ  ??? ก็มีเพื่อน ๆ แนะนำว่าไหน ๆ ก็มี iPad แล้วก็แค่ซื้อคีบอร์ดแบบ bluetooth มาใช้ก็จบละ แต่พอไปดูมา ราคาไม่ใช่น้อย ๆ เลย แบบถูก ๆ ก็กลัวว่าจะไม่ทนมือแน่นอน คีบอร์ด bluetooth ต้องใส่ถ่านอีก ที่สำคัญคือมันไม่สวย ครั้นจะซื้อ case iPad แบบที่มีคีบอร์ดในตัวก็มีให้เลือกน้อยเหลือเกิน ไม่ถูกใจ ...

The post ASUS EeeBook X205TA appeared first on Way of Backpacker.

]]>
มีใครไปเที่ยวแล้วพก คอมพิวเตอร์แลปท้อป (laptop computer) หรือที่เราเรียกติดปากว่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค (notebook computer) ติดกระเป๋าไปด้วยรึเปล่าครับ ???

ทุกครั้งที่เดินทางไปไหน ผมจะพกแค่  iPad ไว้เพื่อดูแผนที่ google map และใช้เป็นฮาร์ทไดร์ไว้สำหรับแบคอัพภาพจากกล้อง กับใช้เล่นโซเชียลแค่นั้น

แต่หลาย ๆ ครั้งอยากเขียนอะไรที่ไปพบเจอมาตามประสาคนอยากเล่าในเวปไซด์ แบบไม่ต้องรอกลับมาเปิดคอมที่บ้าน เพราะป่านนั้นคงไม่ว่าง หรือไม่มีอารมณ์จะเขียนแล้ว ซึ่ง  iPad มันทำไม่ได้ หรืออาจได้แต่ไม่สะดวกนัก ตอนนี้ก็เลยมีความคิดว่า จะพกแลปท้อปไปด้วยดีมั้ย จะกลายเป็นภาระไปมั้ยนะ  ???

ก็มีเพื่อน ๆ แนะนำว่าไหน ๆ ก็มี iPad แล้วก็แค่ซื้อคีบอร์ดแบบ bluetooth มาใช้ก็จบละ แต่พอไปดูมา ราคาไม่ใช่น้อย ๆ เลย แบบถูก ๆ ก็กลัวว่าจะไม่ทนมือแน่นอน คีบอร์ด bluetooth ต้องใส่ถ่านอีก ที่สำคัญคือมันไม่สวย ครั้นจะซื้อ case iPad แบบที่มีคีบอร์ดในตัวก็มีให้เลือกน้อยเหลือเกิน ไม่ถูกใจ

ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ยังไม่พ้น laptop computer วันยังค่ำ แต่โจทย์ของผมต้องการแค่เขียนบล้อค ทำงานเอกสารนิด ๆ หน่อย ๆ แต่งภาพถ่ายลงบล้อค ไม่เล่นเกม ไม่ดูหนัง สเปคแลปท้อปจึงไม่จำเป็นต้องเทพ ขอแค่ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แบตอยู่ได้นาน และราคาต้องไม่แรงเกินไป แล้วผมก็เจอกับ ASUS  EeeBook X205TA

 

as

 

ASUS EeeBook X205TA เรียกว่าเป็น เน็ตบุ้ค (netbook)  มีขนาดเล็กกว่าแลปท้อป เพราะมีหน้าจอเพียง 11 นิ้ว รูปทรงเพียวบาง น้ำหนักตัวไม่ถึง 1 กิโลกรัม แถมยังมี Windows 8.1 Bing  ติดมากับเครื่องด้วยไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มต่างหาก และรองรับการอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้ด้วยนะ มันช่างดีอะไรเช่นนี้ แถมยังมาพร้อมกับ Office 365  ฟรีปีแรกด้วย ที่สำคัญราคาค่าตัว รวมกับซอฟแวร์ และระบบปฏิบัติการที่ให้มายังอยู่ในหลักพันเท่านั้น

ด้วยความที่สเปกเบา ๆ และราคาน่าสนใจแบบนี้ ผมเลยเรียกว่าเป็น Low cost Netbook for Traveler ที่น่าใช้ที่สุดรุ่นนึง จากที่ได้ลองเอาไปใช้ทำงานนอกบ้าน ในร้านกาแฟตามสมัยนิยม โดยไม่เอาสายชาร์ตติดไปด้วย เพราะอยากรู้ว่า สเปกตามคู่มือ กับรีวิวเมืองนอกบอกไว้ว่าแบตอึดมาก สามารถใช้ได้ถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์ตเต็ม 1 ครั้ง มันจริงมั้ย ซึ่งก็สอบผ่านตามการใช้งานของผม  คือ ต่อ wifi แล้วเปิดเวป เขียนบล้อค โดยเปิดเครื่องไว้ตลอด

 

medium-480-04_asuseeebookx205ta-snap

 

พบว่าเครื่องไม่ร้อน ไม่แฮงค์ และไม่อืด ซึ่งก็น่าพอใจ แถมหน้าตาเครื่องก็ดูดีไม่ขี้เหร่ด้วย เอาไปเปิดใช้ในร้านกาแฟไม่รู้สึกขัดเขินอะไร เรื่องการใช้งานแรก ๆ จะยังไม่ชินกับแผงคีบอร์ดนัก พิมพ์ผิดบ่อยเหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่ full keyboard แบบแลปท้อปและยังมีขนาดเล็กกว่า ต้องใช้เวลาให้คุ้นมืออีกนิด

update ล่าสุด ผมอัพเกรดเป็น Windows 10 (32 bit) ไปแล้วไม่มีอาการแฮงค์หรือเรียกหาไดรเวอร์ ทุกอย่างทำงานได้ตามปกติทุกฟังชั่น

 

win10

 

สำหรับทริประยะสั้น ๆ ไม่กี่วัน ผมยังคงจะเอา iPad ไปใช้เหมือนเดิม เดี่ยวก็กลับบ้านมาเขียนบล้อคก็ได้ ส่วน ASUS EeeBook X205TA เครื่องนี้ไว้สำหรับเดินทางทางนาน ๆ หลายวัน จะได้มีเรื่องให้อัพเดทเรื่อย ๆ ระหว่างเที่ยว และยังถือไปใช้ในร้านกาแฟตามเทรนด์ทุกวันนี้อีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

The post ASUS EeeBook X205TA appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ว่าด้วยเรื่อง เสื้อกันหนาว http://www.wayofbackpacker.com/2015/10/%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%ab/ Fri, 09 Oct 2015 07:27:09 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3689 ใกล้ฤดูเดินทางหน้าหนาวอีกละ สำรวจแจ้กเก็ตตัวเก่งในตู้เสื้อผ้ารึยังครับ ปกติพวกเสื้อแจ้กเก็ตกันหนาว ทั้งแบบ hard shell, soft shell, down jacket  พวกนี้จะมีอายุการใช้งาน และถึงแม้จะใช้ไม่เยอะ แต่เก็บเยอะก็มีผลต่อคุณภาพนะครับ พวกสารเคลือบผิวผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ อาจหมดอายุหลุดลอกเป็นแผ่นเป็นขุยได้ พวกนี้จะมีอายุใช้งานประมาณ 2-3 ปี บางยี่ห้อสามารถลง wax เคลือบผิวตามตะเข็บได้ด้วย บางคนเอาไปซักแล้วลงน้ำยาปรับผ้านุ่ม นั่นยิ่งทำลายสารเคลือบผิวอย่างดีเลย ผมเจอมาแล้วกับแจ้กเก็ตตัวเอง เสื้อเสียไปเลย ห้ามเลยนะครับ ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อแจ้กเก็ตเด็ดขาด ให้ดีควรซักด้วยน้ำเปล่าก็พอ เพราะเสื้อพวกนี้เราใส่ชั้นนอกอยู่แล้ว ยิ่งใส่เที่ยวหน้าหนาวก็ไม่มีเหงื่อด้วย เวลาตากก็ผึ่งลมก็พอ ไม่ต้องไปตากกลางแดดเดี๋ยวสารเคลือบผิวจะเสื่อมได้อีก ถ้าเป็นเสื้อแหนม หรือเสื้อขนเป็ด down jacket ที่ม้วนเก็บในถุง หากไม่ใส่เป็นเวลานาน ไม่ควรม้วนเก็บในถุงแบบโฆษณานะครับ จะทำให้ขนเป็ดที่บุข้างในมันเสียรูปทรง ควรแขวนกับไม้แขวนเหมือนเสื้อทั่วไปจะดีกว่า ดูอย่างในร้านเขาก็ไม่ม้วนกันนะ อากาศบ้านเราใช้แจ้กเก็ตกันหนาวแบบนี้ไม่คุ้มเลย เรียกว่าแทบไม่ได้ใช้ แต่ไปเที่ยวหน้าหนาวที่ประเทศอื่นอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรปจะไม่ซื้อก็ไม่ได้ซะด้วยสิ ราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ จึงต้องเก็บให้มันคงอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้เมื่อต้องการครับ

The post ว่าด้วยเรื่อง เสื้อกันหนาว appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ใกล้ฤดูเดินทางหน้าหนาวอีกละ สำรวจแจ้กเก็ตตัวเก่งในตู้เสื้อผ้ารึยังครับ

ปกติพวกเสื้อแจ้กเก็ตกันหนาว ทั้งแบบ hard shell, soft shell, down jacket  พวกนี้จะมีอายุการใช้งาน และถึงแม้จะใช้ไม่เยอะ แต่เก็บเยอะก็มีผลต่อคุณภาพนะครับ พวกสารเคลือบผิวผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ อาจหมดอายุหลุดลอกเป็นแผ่นเป็นขุยได้ พวกนี้จะมีอายุใช้งานประมาณ 2-3 ปี บางยี่ห้อสามารถลง wax เคลือบผิวตามตะเข็บได้ด้วย

บางคนเอาไปซักแล้วลงน้ำยาปรับผ้านุ่ม นั่นยิ่งทำลายสารเคลือบผิวอย่างดีเลย ผมเจอมาแล้วกับแจ้กเก็ตตัวเอง เสื้อเสียไปเลย

ห้ามเลยนะครับ ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อแจ้กเก็ตเด็ดขาด

ให้ดีควรซักด้วยน้ำเปล่าก็พอ เพราะเสื้อพวกนี้เราใส่ชั้นนอกอยู่แล้ว ยิ่งใส่เที่ยวหน้าหนาวก็ไม่มีเหงื่อด้วย เวลาตากก็ผึ่งลมก็พอ ไม่ต้องไปตากกลางแดดเดี๋ยวสารเคลือบผิวจะเสื่อมได้อีก

ถ้าเป็นเสื้อแหนม หรือเสื้อขนเป็ด down jacket ที่ม้วนเก็บในถุง หากไม่ใส่เป็นเวลานาน ไม่ควรม้วนเก็บในถุงแบบโฆษณานะครับ จะทำให้ขนเป็ดที่บุข้างในมันเสียรูปทรง ควรแขวนกับไม้แขวนเหมือนเสื้อทั่วไปจะดีกว่า ดูอย่างในร้านเขาก็ไม่ม้วนกันนะ

อากาศบ้านเราใช้แจ้กเก็ตกันหนาวแบบนี้ไม่คุ้มเลย เรียกว่าแทบไม่ได้ใช้ แต่ไปเที่ยวหน้าหนาวที่ประเทศอื่นอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรปจะไม่ซื้อก็ไม่ได้ซะด้วยสิ ราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ จึงต้องเก็บให้มันคงอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้เมื่อต้องการครับ

The post ว่าด้วยเรื่อง เสื้อกันหนาว appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ประสบการณ์ : สิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง http://www.wayofbackpacker.com/2015/08/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c-%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3/ Mon, 17 Aug 2015 10:16:06 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3557 ในบรรดาอุปกรณ์เดินทางที่ผมมีใช้อยู่ ผมจะให้ความสำคัญกับกระเป๋าเป้ และรองเท้ามาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพหลังและเท้าของเราโดยตรง เรื่องกระเป๋าเป้เขียนไปหลายตอนละทั้ง Osprey Farpoint 40  และ Osprey Frapoint 70 ยิ่งแบกเป้ใบใหญ่ ๆ เดินบุเรงบุเรง รองเท้าที่ดีต้องรับแรงกดจากน้ำหนักที่มากได้ เดินได้นาน ไม่ล้า หรือเจ็บส้นเท้าซะก่อน ผมไม่ใช่แนว trekking ที่ขึ้นเขาลงห้วย จึงเน้นไปที่รองเท้า running ไว้สำหรับเดินในเมืองเป็นหลัก คู่ที่ใช้บ่อยสุดเวลาไปไหนที่คิดว่าต้องเดินบ่อย เดินทั้งวัน ผมเลือก Asics คู่ซ้ายมือ แต่ถ้าเป็นทริปชิล ๆ ก็จะสลับใช้ 2 คู่ที่เหลือ แต่ถ้าไปประเทศที่มีหิมะช่วงนั้น ก็จะเลือกใส่รองเท้าหนังหุ้มข้อที่กันน้ำได้ และมีดอกยางลึก ๆ ไป ถ้าให้เรียงลำดับความนุ่ม กระชับ สบายเท้า จากรองเท้าที่ใช้อยู่ตอนนี้ ที่  1  ยังเป็น Asics Kayano 18 (ตอนนี้ Asics รุ่นใหม่ปรับราคาลงมาแล้วด้วย) ที่  2  New ...

The post ประสบการณ์ : สิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ในบรรดาอุปกรณ์เดินทางที่ผมมีใช้อยู่ ผมจะให้ความสำคัญกับกระเป๋าเป้ และรองเท้ามาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพหลังและเท้าของเราโดยตรง เรื่องกระเป๋าเป้เขียนไปหลายตอนละทั้ง Osprey Farpoint 40  และ Osprey Frapoint 70

เป้แบคแพคคือสิ่งทีต้องให้ความสำคัญมาก ๆ

ยิ่งแบกเป้ใบใหญ่ ๆ เดินบุเรงบุเรง รองเท้าที่ดีต้องรับแรงกดจากน้ำหนักที่มากได้ เดินได้นาน ไม่ล้า หรือเจ็บส้นเท้าซะก่อน

ผมไม่ใช่แนว trekking ที่ขึ้นเขาลงห้วย จึงเน้นไปที่รองเท้า running ไว้สำหรับเดินในเมืองเป็นหลัก คู่ที่ใช้บ่อยสุดเวลาไปไหนที่คิดว่าต้องเดินบ่อย เดินทั้งวัน ผมเลือก Asics คู่ซ้ายมือ แต่ถ้าเป็นทริปชิล ๆ ก็จะสลับใช้ 2 คู่ที่เหลือ แต่ถ้าไปประเทศที่มีหิมะช่วงนั้น ก็จะเลือกใส่รองเท้าหนังหุ้มข้อที่กันน้ำได้ และมีดอกยางลึก ๆ ไป

11889447_1009409875747373_4947154339252067639_n

รองเท้าที่ใช้จะเป็นรองเท้าที่อยู่ซีรี่สปอร์ต กึ่งวิ่งกึ่งลำลอง ใส่สบาย

ถ้าให้เรียงลำดับความนุ่ม กระชับ สบายเท้า จากรองเท้าที่ใช้อยู่ตอนนี้
ที่  1  ยังเป็น Asics Kayano 18 (ตอนนี้ Asics รุ่นใหม่ปรับราคาลงมาแล้วด้วย)
ที่  2  New Balance 574
ที่  3  Onitsuka Tiger Colorado 85

เป้เดินทาง และรองเท้าที่ดี จะไม่สร้างปัญหาให้การเดินทางของเรา

The post ประสบการณ์ : สิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง appeared first on Way of Backpacker.

]]>
WISE WORLD WIFI ไปญี่ปุ่น http://www.wayofbackpacker.com/2015/07/wise-world-wifi-%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b8%8d%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99/ Thu, 16 Jul 2015 06:36:51 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3442 สวัสดีครับ ไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่งกลับมาครับ เลยอยากเขียนเรื่อง การเช่าพ้อกเก็ตไวไฟ  มาให้อ่านกันอีก เมื่อครั้งไปเที่ยวภูมิภาคคิวชู (ฟุกุโอกะและจังหวัดใกล้เคียง) ผมได้ใช้บริการของยี่ห้อนึงไว้ พอมาญี่ปุ่นรอบนี้จะเที่ยวรอบ ๆ โตเกียวและไปดูฟูจิซังที่คาวากูชิโกะ ก็มาเจอกับ Wise Incorporation Thailand หรือเรียกอีกชื่อว่า Wise World Wifi  เขากำลังมีกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับพ้อกเก็ตไวไฟไปใช้ที่ญี่ปุ่น อยู่ในช่วงที่ผมจะเดินทางพอดีเลย น่าสนใจนะ ผมก็ไปร่วมลุ้นกะเขาเหมือนกัน แล้วก็ได้เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้พ้อกเก็ตไวไฟมาใช้ เลยกะว่าจะเอามาเขียนรีวิวด้วยซะเลย ก่อนวันเดินทาง ผมต้องไปรับเครื่องพ้อกเก็ตไวไฟด้วยตัวเองที่ ออฟฟิศของ Wise อยู่ที่ตึก อโศกทาวเวอร์ อยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวกดี เอาล่ะได้พ้อกเก็ตไวไฟมาแล้ว ตัวเครื่องเป็นรุ่นเดียวกันกับที่ผมเคยเช่าไปฟุกุโอกะซะด้วย คือ เป็นเครือข่ายของ au ที่สัญญาณดีมากและตัวพ้อกเก็ตก็แบตอึดมาก ขนาดที่ใช้เต็มที่ เปิดทั้งวันสบาย ๆ เผลอ ๆ จะใช้ได้ 2 วันเต็ม ๆ โดยชาร์ตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น  ตลอดการเดินทางในญี่ปุ่น ทั้งในโตเกียวและจังหวัดข้างเคียง สรุปได้ว่า Wise World Wifi สัญญาณดีมาก ไม่มีการแกว่งของสัญญาณแม้จะอยู่บนรถไฟ รถบัส สามารถใช้งานได้ราบรื่น ใช้ง่ายแค่เปิดเครื่องพ้อกเก็ตไวไฟ แล้วใส่ ...

The post WISE WORLD WIFI ไปญี่ปุ่น appeared first on Way of Backpacker.

]]>
สวัสดีครับ ไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่งกลับมาครับ เลยอยากเขียนเรื่อง การเช่าพ้อกเก็ตไวไฟ  มาให้อ่านกันอีก

เมื่อครั้งไปเที่ยวภูมิภาคคิวชู (ฟุกุโอกะและจังหวัดใกล้เคียง) ผมได้ใช้บริการของยี่ห้อนึงไว้ พอมาญี่ปุ่นรอบนี้จะเที่ยวรอบ ๆ โตเกียวและไปดูฟูจิซังที่คาวากูชิโกะ ก็มาเจอกับ Wise Incorporation Thailand หรือเรียกอีกชื่อว่า Wise World Wifi  เขากำลังมีกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับพ้อกเก็ตไวไฟไปใช้ที่ญี่ปุ่น อยู่ในช่วงที่ผมจะเดินทางพอดีเลย น่าสนใจนะ

กิจกรรมลุ้น pocket wifi ไปใช้ที่ญี่ปุ่นของ Wise wifi

ผมก็ไปร่วมลุ้นกะเขาเหมือนกัน แล้วก็ได้เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้พ้อกเก็ตไวไฟมาใช้ เลยกะว่าจะเอามาเขียนรีวิวด้วยซะเลย
ก่อนวันเดินทาง ผมต้องไปรับเครื่องพ้อกเก็ตไวไฟด้วยตัวเองที่ ออฟฟิศของ Wise อยู่ที่ตึก อโศกทาวเวอร์ อยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวกดี

มารับเครื่องไวไฟถึงออฟฟิศที่อโศกครับ

อุปกรณ์มาพร้อมกระเป๋าใส่ มีตัวเครื่องไวไฟ สายชาร์ต และหัวปลั้กแบบ usb

เอาล่ะได้พ้อกเก็ตไวไฟมาแล้ว ตัวเครื่องเป็นรุ่นเดียวกันกับที่ผมเคยเช่าไปฟุกุโอกะซะด้วย คือ เป็นเครือข่ายของ au ที่สัญญาณดีมากและตัวพ้อกเก็ตก็แบตอึดมาก ขนาดที่ใช้เต็มที่ เปิดทั้งวันสบาย ๆ เผลอ ๆ จะใช้ได้ 2 วันเต็ม ๆ โดยชาร์ตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

การใช้งานดีมากครับ ไม่มีการอับสัญญาณ หรือสัญญาณขาดหาย รูปนี้ตอนอยู่ที่คาวากูชิโกะ ครับ

การใช้งานในเมือง ภายในอาคารต่าง ๆ สัญญาณดีครับ ไร้ปัญหา

เทสสปีดดู อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ

บางพื้นที่สัญญาณก็แรงดีครับ

 ตลอดการเดินทางในญี่ปุ่น ทั้งในโตเกียวและจังหวัดข้างเคียง สรุปได้ว่า Wise World Wifi

  • สัญญาณดีมาก ไม่มีการแกว่งของสัญญาณแม้จะอยู่บนรถไฟ รถบัส สามารถใช้งานได้ราบรื่น
  • ใช้ง่ายแค่เปิดเครื่องพ้อกเก็ตไวไฟ แล้วใส่ user name / password ที่มือถือ หรือแท้ปเล็ต ก็พร้อมใช้งานทันที
  • ตัวเครื่องพ้อกเก็ตไวไฟ แบตอึดมาก ชาร์ตเพียงครั้งเดียวอยู่ได้ทั้งวัน และอาจได้ถึง 2 วันเต็ม แต่แนะนำว่าให้ชาร์ตทุกวันไว้ดีกว่าครับ
  • อุปกรณ์ที่ใช้รับสัญญาณไวไฟครั้งนี้มี  iPad 2 เครื่อง iPhone 2 เครื่อง เปิดฟังชั่นไวไฟตลอดเวลา
  • อาจมีช่วงที่เครื่องพ้อกเก็ตไวไฟเข้าโหมด standby อย่าตกใจไป แค่กดปุ่ม power เท่านั้นระบบก็จะใช้งานได้ตามปกติ
  • การรับ / คืนเครื่อง สะดวกมาด้วยตัวเองที่ออฟฟิศ หรือ จะไปรับเครื่องสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้ (ดอนเมืองยังไม่มีเคาเตอร์บริการ) ตรงนี้ผมแนะนำว่าควรเช่าเครื่องไปจากบ้านเราดีที่สุดครับ เพราะไม่ยุ่งยากในการคืนเครื่อง ผมเคยเจอคนเกือบตกเครื่องขากลับ เพราะเสียเวลากับการไปคืนเครื่องที่เคาเตอร์อยู่
  • ค่าเช่าบริการไม่แพง และมีโปรโมชั่นออกมาตลอด นอกจากญี่ปุ่น ยังมีเกาหลีและประเทศอื่น ๆ ให้เช่าด้วย

เวปไซด์ และรายละเอียดการจองพ้อกเก็ตไวไฟ คลิก -ที่นี่-

 

The post WISE WORLD WIFI ไปญี่ปุ่น appeared first on Way of Backpacker.

]]>
เป้ OSPREY FARPOINT 40 http://www.wayofbackpacker.com/2015/04/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%89-osprey-farpoint-40/ Thu, 16 Apr 2015 08:17:41 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=3105 ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ (Osprey Farpoint) เป็นเป้เดินทางในซีรีย์ Lightweight Travel Pack series ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดรุ่นนึง เรียกว่าใครได้ใช้เป็นต้องติดใจทุกรายไป ถึงขนาดสินค้าขาดตลาดกันเลย ส่วนตัวผมเองก็ใช้รุ่น ฟาร์พ้อยด์ 70 (Farpoint 70) อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยขนาดของฟาร์พ้อยด์ 70 รวมถึงรุ่นฟาร์พ้อยด์ 55  มันมีขนาดที่ใหญ่เกินกว่าจะสามารถนำขึ้นเครื่องได้ (carry-on) ผมจึงต้องมองหากระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่มีขนาดเล็กลงมา (cabin size) เพื่อที่จะถือขึ้นเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องทำการเช็คอินกระเป๋า สำหรับทริปเดินทางที่ไม่ต้องขนสัมภาระไปเยอะ หรือไปไม่กี่วัน หรือแม้แต่การเดินทางด้วยสายการบินโลว์คอส ที่ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่ม บางครั้งก็ดูว่าไม่จำเป็น จากที่ได้เปรียบเทียบหลาย ๆ รุ่นหลาย ๆ ยี่ห้อในตลาดแล้ว สุดท้ายก็ไม่แคล้วมาจบลงที่ ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 40 (Osprey Farpoint 40)  จนได้เพราะตอบโจทย์ผมที่สุดละ   ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 40 (Osprey Farpoint 40) ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ ฟาร์พอยด์ 70 ...

The post เป้ OSPREY FARPOINT 40 appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ (Osprey Farpoint) เป็นเป้เดินทางในซีรีย์ Lightweight Travel Pack series ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดรุ่นนึง เรียกว่าใครได้ใช้เป็นต้องติดใจทุกรายไป ถึงขนาดสินค้าขาดตลาดกันเลย ส่วนตัวผมเองก็ใช้รุ่น ฟาร์พ้อยด์ 70 (Farpoint 70) อยู่เหมือนกัน

แต่ด้วยขนาดของฟาร์พ้อยด์ 70 รวมถึงรุ่นฟาร์พ้อยด์ 55  มันมีขนาดที่ใหญ่เกินกว่าจะสามารถนำขึ้นเครื่องได้ (carry-on) ผมจึงต้องมองหากระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่มีขนาดเล็กลงมา (cabin size) เพื่อที่จะถือขึ้นเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องทำการเช็คอินกระเป๋า สำหรับทริปเดินทางที่ไม่ต้องขนสัมภาระไปเยอะ หรือไปไม่กี่วัน หรือแม้แต่การเดินทางด้วยสายการบินโลว์คอส ที่ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่ม บางครั้งก็ดูว่าไม่จำเป็น จากที่ได้เปรียบเทียบหลาย ๆ รุ่นหลาย ๆ ยี่ห้อในตลาดแล้ว สุดท้ายก็ไม่แคล้วมาจบลงที่ ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 40 (Osprey Farpoint 40)  จนได้เพราะตอบโจทย์ผมที่สุดละ

 

Osprey Farpoint 40

Ooprey Farpoint 40 กับ 40 ปีแห่งการก่อตั้งแบรนด์

ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 40 (Osprey Farpoint 40) ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ ฟาร์พอยด์ 70 และ 55 มาเป้ะ คือเป็นได้ทั้งกระเป๋าหิ้ว และเป้สะพายหลังในใบเดียวกัน แต่สิ่งที่รุ่นน้องอย่างฟาร์พ้อยด์ 40 แตกต่างออกไปคือ จะไม่มีเป้เดย์แพคแยกออกมา แต่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวทำให้รุ่นนี้มีช่องใส่ของ ใส่เสื้อผ้าและช่องใส่โน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์รวมอยู่ด้วย เรียกว่าใบเดียวจบ ที่สำคัญเป็นเคบินไซด์ (cabin size) ถือขึ้นเครื่องใส่ในช่องเหนือศีรษะได้พอดี

Osprey Farpoint 40

หน้าตาของ Farpoint 40 เหมือนกับรุ่นพี่ 55 และ 70

ด้วยความที่ ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 40 เป็นกระเป๋าขนาดกลางน้ำหนักเบา จึงถูกออกแบบให้มีความอเนกประสงค์มากกว่ารุ่นพี่ โดยนอกจากจะแปลงร่างเป็นเป้สะพายหลังได้แล้ว ยังเป็นกระเป๋าสะพายข้างได้อีก ออกแนวดัฟเฟิ่ล (duffle bag) โดยให้สายสะพายมาอีกเส้น สามารถถอดเก็บได้

Osprey Farpoint 40

ด้านหลังของ Farpoint 40 เทียบกับ Farpoint 70

ผมลองเอามาเทียบความยาวของแผ่นรองหลัง ของฟาร์พ้อยด์ 40 และ 70 ก็ไม่มีความแตกต่าง ขนาดเท่ากันทั้งคู่ แต่ความสูงของกระเป๋าต่างกันชัดเจน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฟาร์พ้อยด์ 70 และ 55 ถึงถือขึ้นเครื่องไม่ได้ ส่วนฟาร์พ้อยด์ 40 ก็ได้ใจข้อนี้ไปเต็ม ๆ

เรื่องของขนาด ผมสูง 185 เซน เลยใช้เป้ออสเปรขนาด M/L เพราะช่วงสายรัดสะโพก (hip belt) จะตรงกับตำแหน่งกระดูกเชิงกรานพอดี เคยลองขนาด S/M  ดูแล้วมันลอยขึ้นมา เพราะแผ่นรองหลังจะสั้นกว่า ทำให้ไม่กระชับเวลาสะพาย และแน่นอนที่ขนาด M/L นั้นใหญ่กว่า S/M อยู่นิดนึงทั้งปริมาตรความจุ และน้ำหนัก

ดังนั้นทุกครั้งที่ซื้อเป้ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม ต้องลองสะพายและดึงสายรัดต่าง ๆ ให้เรียบร้อยทุกจุดนะครับ จะรู้ว่าเป้ใบไหนที่เข้ากับแผ่นหลังของเราที่สุด 

FP

ตารางเทียบขนาดไซด์ S/M และ M/Lของรุ่นนี้

Osprey Farpoint 40

ซิปล็อค 2 ตำแหน่ง

ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 40 (Osprey Farpoint 40) ยังมีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัย ตรงที่ซิปสามารถล็อคได้ถึง 2 ตำแหน่ง คือช่องใส่โน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์ และช่องใส่เสื้อผ้า  (ส่วนในรุ่นฟาร์พ้อยด์ 55 และ 70  ซิปจะล็อคได้จุดเดียวคือใบหลักที่ใส่เสื้อผ้าเท่านั้น ส่วนเป้เดย์แพคจะล็อคซิปไม่ได้)

Osprey Farpoint 40

ช่องใส่ของขนาดใหญ่ และใส่โน้ตบุ้คขนาด 15 นิ้วได้สบาย

Osprey Farpoint 40

ช่องใส่เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ไม่ต่างกับรุ่นพี่ 55 และ 70

Osprey Farpoint 40

ถึงจะ 40L แต่เมื่อเทียบกับเป้ day pack ที่ผมมีก็ดูใกล้เคียงกัน

กระเป๋าเป้ขนาด 40 ลิตรใหญ่ขนาดไหน ?  ผมลองจับเป้เดินทางใบเก่าที่ใช้อยู่บ่อย ๆ คือ Karrimor KODIAK 25+5  กับเดย์แพค Deuter GOGO 25L  มาวางเทียบกับ Osprey Farpoint 40  ก็ดูไม่แตกต่างกันเลย แถมดูเล็กกว่าด้วย

Osprey Farpoint40 ที่ผมใช้เป็น size M/L รอบนี้หิ้วไปเที่ยวญี่ปุ่นใบเดียวจบ ไม่ต้องซื้อน้ำหนัก

ตอนแรกที่ผมไปหาซื้อรุ่นนี้ อยากได้สีน้ำเงิน Lagoon Blue  เพราะฟาร์พ้อยด์ 70 ของผมเป็นสีเทาดำ Charcoal Grey อยู่แล้วเดี๋ยวจะซ้ำกัน ปรากฏขายหมดไปละ จะเหลือก็แต่ไซด์ S/M  ซึ่งผมก็ลองละไม่เข้ากับหลัง สุดท้ายก็เลยได้ M/L สีเทาดำสีเดิมมาจนได้  (Farpoint series มีทั้งหมด 3 สีครับ  Charcoal Grey , Lagoon Blue , Mud Red)

AMG ชื่อนี้รับประกันตลอดอายุการใช้งาน ซ่อมฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข

สุดท้ายนี้ ออสเปร (Osprey Packs) ทุกรุ่นทุกใบที่ซื้อกับตัวแทนนำเข้าอย่างถูกต้อง ยังได้รับการรับประกัน ALL MIGHTY GUARANTEE (AMG) ตลอดอายุการใช้งาน ซ่อมฟรีไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าที่ใดในโลก อุ่นใจได้เลยครับ

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ : Osprey

รีวิว ออสเปร ฟาร์พ้อยด์ 70 (Osprey Farpoint 70)

 

The post เป้ OSPREY FARPOINT 40 appeared first on Way of Backpacker.

]]>
SAMURAI POCKET WIFI ไปญี่ปุ่น http://www.wayofbackpacker.com/2015/02/%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7-samurai-wifi-%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b8%8d%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99/ Mon, 02 Feb 2015 13:06:23 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=1654 ทุกวันนี้การเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตั้งแต่การยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาพำนักไม่เกิน 15 วัน ไหนจะมี JRpass และ local pass ต่าง ๆ ที่ขยันออกมาให้นักท่องเที่ยวอย่างเราใช้กันจนแทบเลือกไม่ถูก ร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งก็มีภาษาไทยกำกับไว้ หรือมีพนักงานคนไทยประจำร้านอยู่บริการ เรียกว่าสนับสนุนการท่องเที่ยวกันจริงจัง แบ็กแพ็คไปญี่ปุ่นที่ผ่านมา ผมเลือกไปเที่ยว ฟุกุโอกะ ภูมิภาคคิวชู (Fukuoka Kyushu) ซึ่งอยู่ภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างเตรียมพร้อมละทั้งตั๋วเครื่องบิน ผมบินไปกับสายการบิน Jetstar Asia ที่พักในแต่ละเมืองจองไว้กับ agoda เหลืออีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ อินเตอร์เน็ต จะเลือกใช้ของใคร ??? ทุกวันนี้การใช้อินเตอร์เน็ตของนักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่น ที่มีเห็นกันอยู่คือ ใช้ Public Free Wifi  ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือตามร้านกาแฟ ซื้อซิมการ์ดของ B-mobile , สุโก้ยซิม , Wise mobile  (2 เจ้าหลังนี้มีขายในไทยตามร้านตู้มือถือ) เช่า Pocket Wifi ดูจากแผนเดินทางและของที่ผมนำไปแล้ว เหมาะที่จะใช้ ...

The post SAMURAI POCKET WIFI ไปญี่ปุ่น appeared first on Way of Backpacker.

]]>
ทุกวันนี้การเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตั้งแต่การยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาพำนักไม่เกิน 15 วัน ไหนจะมี JRpass และ local pass ต่าง ๆ ที่ขยันออกมาให้นักท่องเที่ยวอย่างเราใช้กันจนแทบเลือกไม่ถูก ร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งก็มีภาษาไทยกำกับไว้ หรือมีพนักงานคนไทยประจำร้านอยู่บริการ เรียกว่าสนับสนุนการท่องเที่ยวกันจริงจัง



แบ็กแพ็คไปญี่ปุ่นที่ผ่านมา ผมเลือกไปเที่ยว ฟุกุโอกะ ภูมิภาคคิวชู (Fukuoka Kyushu) ซึ่งอยู่ภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างเตรียมพร้อมละทั้งตั๋วเครื่องบิน ผมบินไปกับสายการบิน Jetstar Asia ที่พักในแต่ละเมืองจองไว้กับ agoda เหลืออีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ อินเตอร์เน็ต จะเลือกใช้ของใคร ???

ทุกวันนี้การใช้อินเตอร์เน็ตของนักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่น ที่มีเห็นกันอยู่คือ

  • ใช้ Public Free Wifi  ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือตามร้านกาแฟ
  • ซื้อซิมการ์ดของ B-mobile , สุโก้ยซิม , Wise mobile  (2 เจ้าหลังนี้มีขายในไทยตามร้านตู้มือถือ)
  • เช่า Pocket Wifi

ดูจากแผนเดินทางและของที่ผมนำไปแล้ว เหมาะที่จะใช้ พ็อกเก็ตไวไฟ ที่สุดละ เพราะผมพกไปทั้ง iPhone และ iPad ต่างต้องใช้ไวไฟทั้งคู่ และผมไปหลายเมือง ดังนั้นสัญญาณไวไฟต้องมีใช้ตลอด สำหรับใช้ดูตารางรถไฟจาก Hyperdia และ Google map  คราวนี้ก็ก็ต้องมาเลือกว่าจะใช้บริการเช่าจากเจ้าไหน ในบ้านเราก็มีไม่กี่บริษัทที่ทำตลาดอยู่ ก็ต้องหาข้อมูลกันต่อ

หน้าโฆษณาในเวปไซด์ของ samurai wifi

หน้าโฆษณาในเวปไซด์ของ samurai wifi

BS mobile หรือ Samurai Wifi  คือผู้ให้บริการที่ผมเลือกเช่าพ็อกเก็ตไวไฟไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ เพราะขั้นตอนการจองที่ง่ายมาก ไม่ซับซ้อนอะไรเลย แค่เข้าไปสมัครใช้บริการในเวปไซด์ www.bs-mobile.jp/th/ ระบุวันเวลาเดินทาง วิธีรับของ ว่าจะไปรับเองที่บริษัท หรือที่สนามบิน จากนั้นรออีเมล์ตอบกลับเพื่อยืนยันการจอง แล้วก็ออกไปโอนเงิน แค่นี้เอง

ผมเลือกไปรับเครื่องพ็อกเก็ตไวไฟด้วยตัวเองที่บริษัท บางกอกซามูไร เพราะอยากเห็นสำนักงานของเขาว่าเป็นยังไง อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมด้วยตรงตึกชาญอิสระ 1 สีลม กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 7 ก็ถึงหน้าประตูสำนักงานละ พอถึงวันที่กำหนดรับของก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามาแจ้งกันเราลืม ดีจัง

ออกจากลิฟท์ชั้น 7 ก็โดนซามูไรน้อยดักฟันแล้วครับ

ออกจากลิฟท์ชั้น 7 ก็โดนซามูไรน้อยดักฟันแล้วครับ

ขั้นตอนการรับของก็ยิ่งง่าย เพียงบอกชื่อไป เขาเตรียมของไว้ให้แล้วในกระเป๋าถือ จากนั้นจะอธิบายการใช้งานอุปกรณ์ เช่นการตั้งค่า การใส่ user name และ password การแก้ไขปัญหาเบื่องต้น และการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ญี่ปุ่นในกรณีที่เครื่องมีปัญหาเกินกว่าจะจัดการด้วยตัวเองได้ ที่สำคัญเขามีบริการ 24 ชั่วโมง

มารับด้วยตัวเองที่ออฟฟิต เขาจะเตรียมของไว้ให้ครับ สะดวกรวดเร็ว

มารับด้วยตัวเองที่ออฟฟิต เขาจะเตรียมของไว้ให้ครับ สะดวกรวดเร็ว

อุปกรณ์ในกระเป๋าถือใบเล็กนี้ ๆ มี

  1. Pocket Wifi   1 เครื่อง
  2. สาย micro usb  1 เส้น
  3. usb charger   1 อัน
  4. คู่มือการใช้งาน

มีข้อแนะนำเรื่องนึงแต่สำคัญครับ คือ บอกเจ้าหน้าที่ด้วยว่า เราจะไปภูมิภาคไหนของญี่ปุ่น เขาจะได้จัดเครื่องได้เหมาะกับที่ที่เราจะไป เพราะสัญญาณเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน เช่น เครือข่ายนี้เหมาะจะใช้ในภาคกลางอย่างโตเกียว แต่ถ้าเอาไปใช้ภาคอื่นสัญญาณอาจไม่ดี ก็ไม่ต่างกับบ้านเราที่ ยี่ห้อ A เอาไปใช้ต่างจังหวัด ในป่าในเขาได้ดีกว่ายี่ห้อ T  อะไรประมาณนั้น

เท่านี้เองครับสำหรับการใช้งาน พอเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ฟุกุโอกะ ปุ้บผมก็เปิดใช้งานพ็อกเก็ตไวไฟทันทีเลย มือถือและ iPad ก็จะจับสัญญาณได้ทันที จากนั้นก็แค่ใส่ user name และ password ลงไป เท่านี้ก็ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว

หน้าจอมือถือตอนเชื่อมต่อกับ pocket wifi

หน้าจอมือถือตอนเชื่อมต่อกับ pocket wifi

ระหว่างที่ใช้งานครับ

ระหว่างที่ใช้งานครับ

ความเร็วโดยเฉลี่ย ถือว่าเสถียร

ความเร็วโดยเฉลี่ย ถือว่าเสถียรดีครับ

สรุปการใช้งานพ็อกเก็ตไวไฟของ Samurai Wifi ในช่วงที่ผมไปเที่ยวภูมิภาคคิวชู (Kyushu) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka), โออิตะ (Oita), ยุฟุอิน (ํYufuin), คุมะโมโต้ (Kumamoto), เบปปุ (Beppu), คูรุเมะ (Kurume)  และบนรถไฟชินกันเซ็น

  • สัญญาณอินเตอร์เน็ตเสถียรดีมาก ไม่มีแกว่งหรือวูบวาบ ทั้งในเมืองและนอกเมือง
  • มีช่วงที่สัญญาณขาดหายบ้างจากการนั่งรถไฟข้ามระหว่างเมือง ที่เป็นหุบเขาและลอดอุโมงค์ ผมว่าอันนี้เป็นเรื่องปกติ
  • แบตอึดมาก อันนี้ต้องขอชมจริง ๆ ผมชาร์ตแบตวันละครั้งก่อนนอน แล้วก็เปิดทั้งวัน มีอุปกรณ์ที่รับสัญญาณ 2 ชิ้นคือ iPhone และ iPad ตั้งแต่เช้ายันกลับที่พักเข้านอน แบตของพ็อกเก็ตไวไฟเครื่องนี้อยู่ได้สบาย ๆ
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์รับสัญญาณ wifi ได้สูงสุด 10 เครื่อง
  • บางช่วงสัญญาณจะสลับจาก LTE เป็น 3G  แต่ยังใช้งานได้ตามปกติ
  • ตั้งแต่วันแรกที่เปิดใช้งาน จนวันกลับ ยังไม่เคยเจอปัญหาเครื่องค้าง หรือเชื่อมต่อไม่ได้
  • มีบริการรับส่งเครื่องที่สนามบิน หรือจะไปรับส่งคืนที่บริษัทก็ได้
  • การตอบรับการจองทาง e-mail ทำได้รวดเร็ว และเมื่อถึงวันที่ต้องรับของก็จะมีโทรเข้ามาบอก
  • ราคาไม่แพง และมีราคาพิเศษสำหรับคนที่ไปเที่ยวยาว ๆ




The post SAMURAI POCKET WIFI ไปญี่ปุ่น appeared first on Way of Backpacker.

]]>
การใช้อินเตอร์เน็ตในต่างประเทศ http://www.wayofbackpacker.com/2015/02/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89-internet-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8/ Mon, 02 Feb 2015 07:42:14 +0000 http://www.wayofbackpacker.com/?p=1614 ทุกครั้งทีผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากจะเตรียมเสื้อผ้าให้ตรงกับช่วงฤดูที่ไปแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นคือ การใช้อินเตอร์เน็ตขณะท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศ เพราะผมใช้ google map บ่อยมากในการหาสถานที่ และวางแผนเที่ยวในแต่ละที่ และยังต้องอัพเดทเรื่องเล่าลงใน www.facebook.com/BackpackersProject  แฟนเพจที่ผมทำอยู่ให้สมาชิกได้อ่านกัน เป็นเหมือนไดอารี่การเดินทางของผมเอง ในแต่ละประเทศที่ไป การใช้อินเตอร์เน็ตก็ต่างกัน บางประเทศมีซิมการ์ดแบบเติมเงินขายสำหรับนักท่องเที่ยว (Traveller sim card)  เพียงแค่เติมเงินตามจำนวนวันที่เราอยู่ หรือตามจำนวนดาต้าที่ต้องใช้ อันนี้ก็บอกคนขายไป เขาก็จะจัดการให้ สะดวกมาก บางประเทศที่ไม่มีซิมการ์ดขายแก่นักท่องเที่ยว ก็อาจต้องใช้การเปิดโรมมิ่งสัญญาณ (Roaming) กับผู้ให้บริการเครือข่ายในบ้านเรา แต่ก็มีราคาสูง เพราะคิดเป็นวันและไม่ชัวร์ว่าจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมั้ย แต่มีข้อดีคือ ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด คนทางบ้านสามารถโทรติดต่อมาได้ แต่ค่าบริการก็ยังแพงอยู่ดี ครั้นจะใช้บริการ Public free wifi  หรือตามร้านกาแฟ ก็ต้องผ่านขั้นตอนลงทะเบียนกันก่อน แถมสัญญาณก็ไม่นิ่งซะด้วย วูบวาบตลอด ยิ่งถ้าต้องเคลื่อนย้ายที่บ่อย ๆ  เนี่ยสัญญาณหลุดทันที อีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยม คือการเช่า Pocket wifi ซึ่งมีข้อดีตรงที่มีสัญญาณครอบคลุมมากที่สุด เช่นเดียวกับการใช้ซิมการ์ด แต่ได้เปรียบที่สามารถกระจายสัญญาณ wifi ไปสู่อุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกหลายชิ้นในคราวเดียวกัน และไม่ต้องคอยเติมเงิน ...

The post การใช้อินเตอร์เน็ตในต่างประเทศ appeared first on Way of Backpacker.

]]>


ทุกครั้งทีผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากจะเตรียมเสื้อผ้าให้ตรงกับช่วงฤดูที่ไปแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นคือ การใช้อินเตอร์เน็ตขณะท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศ เพราะผมใช้ google map บ่อยมากในการหาสถานที่ และวางแผนเที่ยวในแต่ละที่ และยังต้องอัพเดทเรื่องเล่าลงใน www.facebook.com/BackpackersProject  แฟนเพจที่ผมทำอยู่ให้สมาชิกได้อ่านกัน เป็นเหมือนไดอารี่การเดินทางของผมเอง

ในแต่ละประเทศที่ไป การใช้อินเตอร์เน็ตก็ต่างกัน บางประเทศมีซิมการ์ดแบบเติมเงินขายสำหรับนักท่องเที่ยว (Traveller sim card)  เพียงแค่เติมเงินตามจำนวนวันที่เราอยู่ หรือตามจำนวนดาต้าที่ต้องใช้ อันนี้ก็บอกคนขายไป เขาก็จะจัดการให้ สะดวกมาก

B Mobile sim card ของญี่ปุ่น มีให้เลือก 2 แบบคือ ตามจำนวนวัน กับ ตามจำนวนข้อมูล

B Mobile sim card ของญี่ปุ่น มีให้เลือก 2 แบบคือ ตามจำนวนวัน กับ ตามจำนวนข้อมูล

ในอังกฤษมีผู้ให้บริการหลายยี่ห้อ ทั้ง 3 , Lebara , vodafone

ในอังกฤษและประเทศในยุโรป มีผู้ให้บริการหลายยี่ห้อ ทั้ง 3 , Lebara , vodafone

บางประเทศที่ไม่มีซิมการ์ดขายแก่นักท่องเที่ยว ก็อาจต้องใช้การเปิดโรมมิ่งสัญญาณ (Roaming) กับผู้ให้บริการเครือข่ายในบ้านเรา แต่ก็มีราคาสูง เพราะคิดเป็นวันและไม่ชัวร์ว่าจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมั้ย แต่มีข้อดีคือ ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด คนทางบ้านสามารถโทรติดต่อมาได้ แต่ค่าบริการก็ยังแพงอยู่ดี

การเปิดใช้บริการ roaming โดยผู้ให้บริการในบ้านเรา

การเปิดใช้บริการ roaming โดยผู้ให้บริการในบ้านเรา

อีกหนึ่งผู้ให้บริการ roaming ในบ้านเรา

อีกหนึ่งผู้ให้บริการ roaming ในบ้านเรา

ครั้นจะใช้บริการ Public free wifi  หรือตามร้านกาแฟ ก็ต้องผ่านขั้นตอนลงทะเบียนกันก่อน แถมสัญญาณก็ไม่นิ่งซะด้วย วูบวาบตลอด ยิ่งถ้าต้องเคลื่อนย้ายที่บ่อย ๆ  เนี่ยสัญญาณหลุดทันที

free wifi มีให้บริการในหลาย ๆ ประเทศ แต่ต้องลงทะเบียนก่อน

free wifi มีให้บริการในหลาย ๆ ประเทศ แต่ต้องลงทะเบียนก่อน

อีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยม คือการเช่า Pocket wifi ซึ่งมีข้อดีตรงที่มีสัญญาณครอบคลุมมากที่สุด เช่นเดียวกับการใช้ซิมการ์ด แต่ได้เปรียบที่สามารถกระจายสัญญาณ wifi ไปสู่อุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกหลายชิ้นในคราวเดียวกัน และไม่ต้องคอยเติมเงิน เพราะเป็นการใช้แบบ Unlimited data



เช่า pocket wifi ในประเทศเกาหลีใต้

เช่า pocket wifi ในประเทศเกาหลีใต้

เช่า pocket wifi เที่ยวญี่ปุ่น

เช่า pocket wifi เที่ยวญี่ปุ่น

แต่ละรูปแบบการใช้งาน ก็แตกต่างกันไป มีข้อดี ข้อเสียขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้งานของแต่ละคน

  • การซื้อซิมการ์ดเติมเงิน มีทั้งแบบรวมค่าโทร และ สำหรับใช้อินเตอร์เน็ตอย่างเดียว จะมีระยะเวลาใช้งานจำกัดตามจำนวนวัน หรือจำนวนเงินที่เราเติมลงไป แต่บางประเทศก็ไม่มีขาย หรืออาจมีข้อจำกัดในการตั้งค่าโทรศัพท์ที่ไม่รองรับในบางระบบ
  • การเปิดโรมมิ่งไปต่างประเทศ คิดค่าบริการที่แพง  และสัญญาณอาจไม่ครอบคลุม แต่ดีตรงที่ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด
  • การใช้ free wifi  ดีตรงที่เป็นของฟรี แต่สัญญาณไม่นิ่งและมีระยะใช้งานจำกัดต่อการล็อคอิน และต้องลงทะเบียนใช้งาน สัญญาณไม่ครอบคลุม
  • การเช่า pocket wifi  อาจไม่สะดวกตรงที่ต้องพกอุปกรณ์เพิ่มขึ้นอีกตัว และบางรุ่นแบตหมดไวมาก ต้องคอยชาร์ต ไม่มีให้เช่าในบางประเทศ แต่ข้อดีมีเยอะเพราะ ไม่ต้องคอยเติมเงิน กระจายสัญญาณ wifi ไปอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีก ราคาเช่าไม่แพง และสัญญาณสม่ำเสมอแม้ขณะกำลังเดินทาง โอกาสน้อยมากที่สัญญาณจะหายไป

 



 

The post การใช้อินเตอร์เน็ตในต่างประเทศ appeared first on Way of Backpacker.

]]>